เศรษฐกิจของอังกฤษในช่วงต้นปีนี้
หอการค้าอังกฤษกล่าวว่า ภาคธุรกิจยังคงประสบปัญหาและอุปสรรคหลายๆด้าน ทั้งการเผชิญกับราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นและความยากลำบากทางการค้าอย่างต่อเนื่องหลัง Brexit
โดยจากผลสำรวจของหอการค้าอังกฤษที่ทำการสำรวจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นส่วนใหญ่เมื่อเดือนก่อน บริษัทในอังกฤษส่วนใหญ่ประสบปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับกฎการค้าใหม่หลัง Brexit ส่งผลกระทบและสร้างความติดขัดในภาคการผลิตและซัพพลายเชนในวงกว้าง
ก่อนหน้านี้รัฐบาลอังกฤษได้ออกมาตรการช่วยเหลือด้านพลังงานเป็นมูลค่า 1.8 หมื่นล้านปอนด์ (745,360 ล้านบาท) เพื่อบรรเทาความลำบากเนื่องจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นแก่ภาคธุรกิจ ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีแผนจะสิ้นสุดในปลายเดือนมีนาคมนี้ และอาจมีการออกมาตรการใหม่อีกครั้งในสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตาม เจเรมี ฮันต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังก็ออกมาเตือนธุรกิจต่างๆ ว่าระบบ มาตรการหรือระเบียบต่างๆภายในประเทศนั้นยังไม่มีความยั่งยืนเพียงพอ ซึ่งการช่วยเหลือหรือสนับสนุนใดๆจากภาครัฐในอนาคตอาจจะมีจำกัดมากกว่านี้
ทางด้านอัตราเงินเฟ้อโดยรวมของสหราชอาณาจักรยังอยู่ที่ 10.7% โดยข้อมูลจากสมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกแห่งสหราชอาณาจักรได้ให้ข้อมูลว่า ราคาอาหารสดที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในสหราชอาณาจักรในช่วงต้นเดือนธันวาคมนั้นสูงกว่าปีก่อนหน้าถึง 15.0% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นประจำปีที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปี 2548 ที่เริ่มเก็บข้อมูล
ทำให้ในปี 2566 นี้ ผู้บริโภคอาจต้องเผชิญกับนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงการเก็บอัตราภาษีที่สูงขึ้น และการลดปริมาณการช่วยเหลือมาตรการด้านพลังงานในครัวเรือนจากรัฐบาล
ดังนั้น เมื่อเทียบกับคู่สกุลเงินดอลลาร์ที่เศรษฐกิจโดยรวมในหลายๆภาคส่วนยังทำงานได้ดีและเต็มที่ รวมถึงตัวเลข Manufacturing PMI ของอังกฤษ ประจำเดือนธันวาคมที่ประกาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มีการปรับลดลงมาอยู่ที่ 45.3 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตัวเลขต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับเดือนก่อนๆของทั้งปี 2565 ซึ่งบ่งบอกถึงภาคการผลิตที่หดตัวอย่างเห็นได้ชัด จึงยังคงส่งผลให้อังกฤษอาจจะไม่มีความจำเป็นต้องเร่งปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างสหรัฐฯในปีนี้ ซึ่งก็จะส่งผลให้ GBP มีแนวโน้มอ่อนค่ากว่า USD อีก
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ : 1.2052, 1.2061, 1.2076
แนวรับสำคัญ : 1.2022, 1.2013, 1.1998
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.2012 - 1.2022 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.2022 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2043 และ SL ที่ประมาณ 1.2010 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2052 - 1.2062 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2073 และ SL ที่ประมาณ 1.2020 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2052 - 1.2062 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.2052 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2015 และ SL ที่ประมาณ 1.2065 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.2012 - 1.2022 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2000 และ SL ที่ประมาณ 1.2043 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Jan 05, 2023 02:58PM GMT+7
Name | S3 | S2 | S1 | Pivot Points | R1 | R2 | R3 |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.1972 | 1.1998 | 1.2011 | 1.2037 | 1.2050 | 1.2076 | 1.2089 |
Fibonacci | 1.1998 | 1.2013 | 1.2022 | 1.2037 | 1.2052 | 1.2061 | 1.2076 |
Camarilla | 1.2013 | 1.2017 | 1.2020 | 1.2037 | 1.2028 | 1.2031 | 1.2035 |
Woodie's | 1.1966 | 1.1995 | 1.2005 | 1.2034 | 1.2044 | 1.2073 | 1.2083 |
DeMark's | - | - | 1.2004 | 1.2034 | 1.2044 | - | - |
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: Blog