บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566

บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566
Create at 2 years ago (Feb 01, 2023 10:26)

ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกผ่านรายงาน IMF

ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1% ในวันอังคาร และปิดเดือนมกราคมบวก 6.2% นับเป็นการปิดบวกของเดือนมกราคมครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2562 โดยทั้ง 11 ภาคส่วนธุรกิจของดัชนี S&P 500 จบลงในแดนบวก นำโดยกลุ่มธุรกิจวัสดุหรือวัตถุดิบสำหรับการผลิตและกลุ่มธุรกิจสินค้าฟุ่มเฟือย ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2%

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังจับตาดูรายงานผลประกอบการ ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจอาจเผชิญกับภาวะถดถอย โดยจากการรายงานผลประกอบการของบริษัทมากกว่า 140 แห่ง ผลประกอบการโดยรวมของดัชนี S&P 500 คาดว่าจะลดลง 3% ในไตรมาสที่สี่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามข้อมูลของ Refinitiv IBES ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้ ตลาดยังคงรอคอยบริษัทอีกมากกว่า 100 แห่งในดัชนี S&P 500 ที่คาดว่าจะรายงานผลประกอบการ รวมถึงข่าวความเคลื่อนไหวหรือทิศทางการประชุมธนาคารกลางในสหรัฐอเมริกาและยุโรป

ล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2566 เล็กน้อย เนื่องจากอุปสงค์โดยรวมของผู้ประกอบการและผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่ค่อนข้างสูง รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ลดลง และการเปิดเศรษฐกิจของจีนอีกครั้งหลังการยกเลิกข้อจำกัดโควิดที่เข้มงวด

โดย IMF กล่าวว่าการเติบโตทั่วโลกจะยังคงลดลงจาก 3.4% ในปี 2565 แต่คาดว่าจะเติบโตที่ 2.9% ในปี 2566 แทนการคาดการณ์ของ World Economic Outlook เมื่อเดือนตุลาคม ที่การคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะเติบโตเพียง 2.7%

สำหรับปี 2567 IMF กล่าวว่าการเติบโตทั่วโลกจะมีการเร่งตัวขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.1% แต่ทว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนตุลาคมปีที่แล้วถึง 10% เนื่องจากผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ที่จะส่งผลต่ออุปสงค์ที่จะชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้น

โดย IMF ยังคงเน้นย้ำถึงความสำคัญในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงการเตรียมพร้อมรับมือกับปัจจัยหรือตัวแปรอื่นๆที่คาดไม่ถึง อาทิเช่น การหยุดชะงักของระบบเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานที่อาจมาจากสงครามที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในยูเครน รวมถึงการต่อสู้กับโควิด-19 ของจีนที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม แม้ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะลดลงก็ตาม

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ GDP ปี 2566 IMF คาดว่า GDP ของสหรัฐฯ จะเติบโตที่ 1.4% เพิ่มขึ้นจาก 1.0% ที่คาดการณ์ไว้ในเดือนตุลาคม และลดลงจาก 2.0% ในปี 2565 ที่มีการบริโภคและการลงทุนที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาสที่สามของปี 2565 รวมถึงตลาดแรงงานที่ยังคงตึงตัว

อย่างไรก็ดี IMF กล่าวว่า อัตราการออมที่เพิ่มขึ้นก็ได้สร้างความเป็นไปได้ต่อการเติบโตของอุปสงค์ที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับภาคการท่องเที่ยว อีกทั้งการผ่อนคลายแรงกดดันจากตลาดแรงงานในประเทศเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วบางประเทศ ก็ได้ช่วยให้อัตราเงินเฟ้อที่ร้อนแรงผ่อนกำลังลง รวมถึงอาจช่วยลดความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรงในอนาคตได้

ทว่า ตัวแปรสำคัญอย่างความร้อนแรงของสงครามในยูเครนที่อาจทวีคูณขึ้นได้ทุกเมื่อ ก็อาจทำให้ราคาพลังงานและอาหารพุ่งสูงขึ้น เช่นเดียวกับฤดูหนาวในปีหน้า ที่อาจส่งผลให้ยุโรปต้องดิ้นรนพยายามจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลวแข่งกับจีน

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญๆที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯในช่วงนี้ จะยังคงอยู่ที่ทิศทางการออกนโยบายการเงินจากเฟดในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานผลประกอบการของบริษัทและองค์กรต่างๆในดัชนีสหรัฐฯช่วงต้นปี นโยบายการคลังสหรัฐฯที่อาจมีการปรับลดลงของการใช้จ่ายภาครัฐและหนี้สาธารณะ และข้อจำกัดจากประเทศคู่เศรษฐกิจที่อาจส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานสำคัญๆอย่างประเทศจีน จึงทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯในช่วงนี้ค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากปัจจัยและทิศทางหลายๆอย่างที่ยังไม่แน่ชัด

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD US 500 [S&P 500]

แนวต้านสำคัญ : 4076.3, 4083.8, 4095.9

แนวรับสำคัญ : 4052.1, 4044.6, 4032.5 

5H Outlook   

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ 5H

1H Outlook 

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ 1Hที่มา: Investing.com                                                                        

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 4044.1 - 4052.1 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 4052.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4083.0 และ SL ที่ประมาณ 4041.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 4076.3 - 4084.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4093.0 และ SL ที่ประมาณ 4050.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 4076.3 - 4084.3 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 4076.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4051.0 และ SL ที่ประมาณ 4087.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 4044.1 - 4052.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4036.0 และ SL ที่ประมาณ 4079.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Feb 01, 2023 09:33AM GMT+7

Name S3 S2 S1 Pivot Points R1 R2 R3
Classic 4019.7 4032.5 4051.4 4064.2 4083.1 4095.9 4114.8
Fibonacci 4032.5 4044.6 4052.1 4064.2 4076.3 4083.8 4095.9
Camarilla 4061.6 4064.5 4067.4 4064.2 4073.2 4076.1 4079.0
Woodie's 4022.7 4034.0 4054.4 4065.7 4086.1 4097.4 4117.8
DeMark's - - 4057.8 4067.4 4089.5 - -

Sources: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: Blog
รู้เท่าทันข่าว&สถานการณ์โลก: News
บทวิเคราะห์เชิงเทคนิคขั้นสูง: Analysis
Tags:

Forex News

ARTICLES