ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯช่วงนี้

ดาวโจนส์ร่วงลง 249.13 จุด หรือ 0.73% ในวันพฤหัสบดี ปิดที่ 33,699.88 เนื่องจากการผกผันของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในตลาดตราสารหนี้ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน แม้รายงานผลประกอบการของบริษัทและองค์กรต่างๆจะออกมาดีกว่าที่คิด

โดยสัปดาห์ที่แล้ว ข้อมูลตลาดแรงงานที่ตึงตัวในเดือนมกราคมทำให้เกิดความกลัวว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯจะถูกบีบให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีก โดยเจ้าหน้าที่เฟดได้กล่าวเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้ว่าภารกิจของธนาคารกลางในการลดอัตราเงินเฟ้อยังไม่เสร็จสิ้นและอาจใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ แต่นักลงทุนต่างก็ยังคงคาดหวังที่จะได้เห็นสัญญาณการชะลอการใช้นโยบายแบบเข้มงวดขึ้นอีกในปีนี้

ทั้งนี้ แม้ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะถูกสยบด้วยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งกว่าคาด แต่ล่าสุด จำนวนตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีโดยกระทรวงแรงงาน ก็ได้พลิกกลับมาทำให้ตลาดตื่นตัวและสร้างความกังวลระลอกใหม่อีกครั้ง

โดยจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว 13,000 ราย เป็น 196,000 ราย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ 4 ก.พ. มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 190,000 ราย แต่ยังคงอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับตลาดแรงงานที่ตึงตัวที่ไม่เกิน 200,000 ราย และคาดว่าการปลดพนักงานเพิ่มขึ้น จะเริ่มผลักดันให้ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการสูงขึ้นอีกในปลายปีนี้ ส่งผลให้ตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับเส้นทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯลงเล็กน้อย

อย่างไรก็ดี นอกจากความกังวลถึงนโยบายคุมเข้มทางการเงินที่อาจจะไม่สิ้นสุดเร็วๆนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นที่เพิ่มขึ้นในช่วงบ่ายวันพฤหัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพันธบัตรอายุ 2 ปีที่เป็นกุญแจสำคัญในการบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ใกล้จะมาถึง ก็ได้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของตลาดโดยรวมอย่างมาก

โดยเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 2-10 ปี ได้พลิกกลับหรือลาดชันลง 85 จุด (Inverted Yield Curve หรือการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว) ซึ่งนับเป็นการผกผันของเส้นอัตราผลตอบแทนที่ลงต่ำสุด (Inverted) นับตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1980 สร้างความกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับปัญหาทางเศรษฐกิจที่อาจจะมาเยือน ทั้งยังส่งผลให้หุ้นในกลุ่มธุรกิจการเงินการธนาคารร่วง อันเป็นผลมาจากอัตราการทำกำไรจากสินเชื่อของธนาคารที่ลดลง

ทั้งนี้ สัปดาห์หน้าจะมีการนำเสนอข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และยอดค้าปลีก ซึ่งจะส่งผลต่อตลาดในการปรับมุมมองเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินที่จะส่งผลต่อตลาดหุ้นโดยรวมของสหรัฐฯต่อไป

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US30 DJIA

แนวต้านสำคัญ : 33683.9, 33691.0, 33702.4

แนวรับสำคัญ : 33661.1, 33654.0, 33642.6         

1H Outlook 

15Min Outlook                          

ที่มา: Investing.com  

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 33651.1 - 33661.1 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 33661.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33691.0 และ SL ที่ประมาณ 33646.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 33683.9 - 33693.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33700.0 และ SL ที่ประมาณ 33660.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 33683.9 - 33693.9 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 33683.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33661.0 และ SL ที่ประมาณ 33698.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 33651.1 - 33661.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33643.0 และ SL ที่ประมาณ 33692.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Feb 10, 2023 01:21PM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2