ภาพรวมการเพาะปลูกฝ้ายช่วงนี้

เมื่อเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ความต้องการของผู้บริโภคที่ต่ำ และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน สภาฝ้ายแห่งชาติของสหรัฐฯได้คาดการณ์เมื่อวันอาทิตย์ว่า พื้นที่เพาะปลูกฝ้ายบางส่วนจะถูกเปลี่ยนไปสู่การเพาะปลูกพืชผลอื่นๆ ที่ทํากําไรได้มากกว่า

ทั้งนี้ จากการสํารวจที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์รายงานว่า ผู้ปลูกฝ้ายในสหรัฐฯ จะเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพด ข้าวสาลี และถั่วเหลือง ซึ่งเป็นพืชผลที่สามารถรับประกันรายได้ที่สูงขึ้นในปีนี้มากขึ้น และจะลดพื้นที่หรือปริมาณการปลูกฝ้ายลง เนื่องจากที่ผ่านมา เกษตรกรสหรัฐฯต่างได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและต้นทุนที่สูงขึ้น

สภาฝ้ายแห่งชาติของสหรัฐฯกล่าวว่า จากผลสํารวจการใช้พื้นที่เพาะปลูกสำหรับช่วงต้นฤดูกาลประจําปีครั้งที่ 42 เกษตรกรส่วนใหญ่ระบุว่า ในฤดูใบไม้ผลินี้ จะใช้พื้นที่ในการปลูกฝ้ายเพียง 11.4 ล้านเอเคอร์ หรือน้อยกว่าปีที่แล้ว 17% โดยพื้นที่ปลูกฝ้ายในปี 2022 อยู่ที่ 12.5 ล้านเอเคอร์ เพิ่มขึ้น 11% จากปี 2021 ในขณะที่เกษตรกรในรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นรัฐผู้ผลิตฝ้ายที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ จะลดพื้นที่ปลูกฝ้ายลงถึง 21.2% แต่ถึงกระนั้น ผลผลิตฝ้ายที่ได้ ก็อาจสูงกว่าปี 2022 หากการผลิตฝ้ายสามารถแตะปริมาณเฉลี่ยที่ห้าปีต่อเอเคอร์

นอกจากนี้ รองประธานฝ่ายเศรษฐศาสตร์และการวิเคราะห์นโยบายของสภาฝ้ายแห่งชาติได้ให้ข้อมูลถึงราคาสัญญาซื้อขายฝ้ายล่วงหน้าว่า นอกจากต้นทุนการเพาะปลูกฝ้ายจะไม่ลดลงแล้ว เมื่อเทียบกับราคาฟิวเจอร์สเฉลี่ยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 ราคาฝ้ายมีการปรับลดลงต่ำกว่าปีที่แล้วถึง 16.5% ในขณะที่ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ส่วนใหญ่ค่อนข้างไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนราคาฝ้ายต่อข้าวโพดและถั่วเหลืองอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009

ทั้งนี้ ราคาซื้อขายทันทีหรือราคาสปอตลดลงจาก 1.50 ดอลลาร์กว่าๆต่อปอนด์เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว มาอยู่ที่ประมาณ 85 เซนต์ต่อปอนด์ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของเกษตรกรที่คาดหวังว่าฝ้ายจะทํากําไรได้ในปีนี้

สภาฝ้ายฯประเมินว่า ผลผลิตฝ้ายของสหรัฐฯจะอยู่ที่ 15.7 เบลส์หรือมัดในปีนี้ มากกว่าปีที่แล้วประมาณ 1 ล้านมัด โดยอ้างอิงจากผลผลิตเฉลี่ยระดับรัฐที่ห้าปีต่อเอเคอร์ และคาดว่าโรงงานฝ้ายของสหรัฐฯน่าจะมีการขยายการผลิตมากขึ้น ในขณะที่การส่งออกคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยในช่วงปีการเกษตร 2023/24 ส่งผลให้คลังฝ้ายของสหรัฐฯคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านมัด เป็น 5.3 ล้านมัดในฤดูร้อนปี 2024

อย่างไรก็ตาม ความต้องการฝ้ายทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5% และการยกเลิกข้อจํากัด Covid-19 ของจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นําเข้าฝ้ายรายใหญ่ที่สุดของโลกคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการอุปโภคฝ้ายได้

ทั้งนี้ สภาฝ้ายฯได้ให้ความเห็นว่า การเพาะปลูกในความเป็นจริงอาจแตกต่างจากผลการสํารวจที่ได้ เนื่องจากปัจจัยอย่าง การเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาด หรือสภาพอากาศที่อาจเผชิญกับความแปรปรวน ทั้งยังมีความเสี่ยงอีกหลายประการ ที่รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่สูง นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น สงครามในยูเครน ผลกระทบของโควิด-19 ในจีน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H)

CFD US Cotton #2 Futures - Mar 23 (CTH3)

แนวต้านสำคัญ : 85.61, 85.69, 85.81

แนวรับสำคัญ : 85.37, 85.29, 85.17      

1H Outlook

ที่มา: Investing.com                                                            

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 85.27 - 85.37 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 85.37 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 85.68 และ SL ที่ประมาณ 85.22 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 85.61 - 85.71 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 85.81 และ SL ที่ประมาณ 85.37 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 85.61 - 85.71 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 85.61 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 85.36   และ SL ที่ประมาณ 85.76 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 85.27 - 85.37 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 85.20 และ SL ที่ประมาณ 85.61 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Feb 15, 2023 09:05AM GMT+7

Sources: Successful Farming, Progressive Farmer