บทวิเคราะห์ EUR/USD วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566

บทวิเคราะห์ EUR/USD วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566
Create at 1 year ago (Feb 17, 2023 10:57)

ภาพรวมเศรษฐกิจยุโรปล่าสุด

ก่อนหน้านี้ แม้ว่าการส่งออกของสเปนจะเติบโต 23% ในปี 2565 แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยเรื่องการขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นถึง 68 พันล้านยูโร นับเป็นขาดดุลที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 จากราคาและปริมาณการนำเข้าพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น

โดยการขาดดุลการค้าด้านพลังงานถูกคิดเป็น 77% ของการขาดดุลโดยรวม แม้การนำเข้าพลังงานจะชะลอตัวลงในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งสะท้อนถึงอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอและราคาสินค้าต่างประเทศที่ลดลงเล็กน้อย

ทั้งนี้การส่งออกสินค้าและบริการของสเปน คิดเป็นเกือบ 42% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโต 5.5% ในปี 2565

ทางด้านระดับหนี้สาธารณะโดยรวมของอิตาลีในปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 145% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่สูงเป็นอันดับสองในยูโรโซนรองจากกรีซ และหากเปรียบเทียบกับปี 2554 ที่อยู่ที่ 116% ก็เรียกว่าเป็นอัตราส่วนที่หลายคนมองว่าสูงจนน่ากังวล

อย่างไรก็ดี แม้ว่ากระทรวงการคลังจะมีกำหนดออกพันธบัตร BTP ระยะกลางและระยะยาวมูลค่าสูงถึง 310-320 พันล้านยูโร (332-343 พันล้านดอลลาร์) ในปีนี้ พร้อมอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ แต่นักเศรษฐศาสตร์ก็ไม่เป็นกังวลมากนัก เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงในช่วงนี้ ที่อาจส่งผลเสียต่อผู้บริโภคและการออมเงิน แต่จะส่งผลดีต่อประเทศที่มีหนี้สูงอย่าง อิตาลี เพราะจะช่วยให้รายได้และ GDP สูงหรือเฟ้อขึ้น ทำให้สัดส่วนหนี้สินลดลง รวมถึงเป็นผลดีต่ออัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงหรือ Real interest rate ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของอิตาลีคาดว่าจะอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 5% ในปีหน้า ซึ่งใกล้เคียงกับระดับในปี 2555 ในช่วงวิกฤตหนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าความผันผวนของตลาดในช่วงนี้ และทิศทางนโยบายการเงินจากธนาคารกลางยุโรป จะเป็นความท้าทายที่ยากที่สุดในการจัดการหนี้ของอิตาลี ซึ่งจะส่งผลต่อการคาดการณ์เส้นอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ หรือ Yield curve ได้ยากขึ้น

ทางด้าน ECB หรือธนาคารกลางยุโรป แม้จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 50 จุดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แต่ก็ได้ประกาศล่วงหน้าแล้วว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในวันที่ 16 มีนาคม โดยมีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งโดยรวมอาจปรับขึ้นสูงกว่า 3.5% จากปัจจุบันที่ 3.0% และมีแนวโน้มจะไม่ปรับลดลงในปีนี้ โดยให้เหตุผลว่าต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของธนาคารกลางยุโรป ยังไม่ได้รับการตอบรับอย่างเต็มที่จากเศรษฐกิจ และยังจำเป็นที่จะต้องทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับไปสู่กรอบเป้าหมายที่ 2% ได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ECB ก็ได้ลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่เคยดำเนินมาอย่างต่อเนื่องแปดปี ประมาณหนึ่งล้านล้านยูโรในระยะเวลาสามปีจากนี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้สามารถลดอัตราเงินเฟ้อลงเล็กน้อย 0.15% และลดการเติบโตของเศรษฐกิจลง 0.2%

ล่าสุด ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงจากระดับสูงสุดในปลายปี 2565 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาพลังงานที่ลดลง แต่เศรษฐกิจของยูโรโซนกลับยังคงเติบโตได้ดีกว่าที่ ECB คาดการณ์ไว้ ซึ่ง ECB ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในยูโรโซนอาจลดลงต่ำกว่า 3% ภายในสิ้นปีนี้ จาก 8.5% เดือนที่แล้ว หากราคาพลังงานลดลงอย่างต่อเนื่อง

ทางด้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากราคาผู้ผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาดและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง โดยจากข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจ ราคาผู้ผลิตหรือ PPI หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนธันวาคม ได้เพิ่มขึ้นถึง 0.7% ในเดือนมกราคม สูงสุดในรอบ 7 เดือน เนื่องจากต้นทุนราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้น ซึ่งแม้จะไม่รวมราคาพลังงานและราคาสินค้าที่ผันผวนสูงอื่นๆ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของผู้ผลิตก็ได้เพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว

ทั้งนี้ จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการการว่างงานที่ลดลงกว่าคาด ปัจจุบันตัวเลขอยู่ที่ 194,000 ราย เทียบกับที่คาดไว้ 200,000 ราย ก็ได้แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังเป็นไปได้ดี แม้จะมีนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น จึงอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะคงนโยบายการเงินแบบเข้มงวดมากขึ้นต่อไปอีก ซึ่งก็อาจส่งผลให้โดยรวมเงินยูโรมีแนวโน้มอ่อนค่ากว่าเงินดอลลาร์ต่อไปในปีนี้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD EUR/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.0689, 1.0697, 1.0711

แนวรับสำคัญ : 1.0661, 1.0653, 1.0639          

5H Outlook

วิเคราะห์ EUR/USD 5H1H Outlook         

วิเคราะห์ EUR/USD 1Hที่มา: Investing.com                             

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.0651 - 1.0661 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.0661 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0689 และ SL ที่ประมาณ 1.0646 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0689 - 1.0699 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0710 และ SL ที่ประมาณ 1.0660 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0689 - 1.0699 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.0689 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0652 และ SL ที่ประมาณ 1.0704 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.0651 - 1.0661 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0640 และ SL ที่ประมาณ 1.0688 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Feb 17, 2023 10:37AM GMT+7

Name S3 S2 S1 Pivot Points R1 R2 R3
Classic 1.0616 1.0639 1.0652 1.0675 1.0688 1.0711 1.0723
Fibonacci 1.0639 1.0653 1.0661 1.0675 1.0689 1.0697 1.0711
Camarilla 1.0656 1.0659 1.0663 1.0675 1.0669 1.0673 1.0676
Woodie's 1.0612 1.0637 1.0648 1.0673 1.0684 1.0709 1.0719
DeMark's - - 1.0646 1.0672 1.0682 - -

Sources: Investing 1Investing 2Investing 3

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: Blog
รู้เท่าทันข่าว&สถานการณ์โลก: News
บทวิเคราะห์เชิงเทคนิคขั้นสูง: Analysis
Tags:

Forex News

ARTICLES