ภาพรวมเศรษฐกิจยุโรปล่าสุด
ก่อนหน้านี้ แม้ว่าการส่งออกของสเปนจะเติบโต 23% ในปี 2565 แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยเรื่องการขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นถึง 68 พันล้านยูโร นับเป็นขาดดุลที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 จากราคาและปริมาณการนำเข้าพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น
โดยการขาดดุลการค้าด้านพลังงานถูกคิดเป็น 77% ของการขาดดุลโดยรวม แม้การนำเข้าพลังงานจะชะลอตัวลงในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งสะท้อนถึงอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอและราคาสินค้าต่างประเทศที่ลดลงเล็กน้อย
ทั้งนี้การส่งออกสินค้าและบริการของสเปน คิดเป็นเกือบ 42% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโต 5.5% ในปี 2565
ทางด้านระดับหนี้สาธารณะโดยรวมของอิตาลีในปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 145% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่สูงเป็นอันดับสองในยูโรโซนรองจากกรีซ และหากเปรียบเทียบกับปี 2554 ที่อยู่ที่ 116% ก็เรียกว่าเป็นอัตราส่วนที่หลายคนมองว่าสูงจนน่ากังวล
อย่างไรก็ดี แม้ว่ากระทรวงการคลังจะมีกำหนดออกพันธบัตร BTP ระยะกลางและระยะยาวมูลค่าสูงถึง 310-320 พันล้านยูโร (332-343 พันล้านดอลลาร์) ในปีนี้ พร้อมอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ แต่นักเศรษฐศาสตร์ก็ไม่เป็นกังวลมากนัก เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงในช่วงนี้ ที่อาจส่งผลเสียต่อผู้บริโภคและการออมเงิน แต่จะส่งผลดีต่อประเทศที่มีหนี้สูงอย่าง อิตาลี เพราะจะช่วยให้รายได้และ GDP สูงหรือเฟ้อขึ้น ทำให้สัดส่วนหนี้สินลดลง รวมถึงเป็นผลดีต่ออัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงหรือ Real interest rate ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของอิตาลีคาดว่าจะอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 5% ในปีหน้า ซึ่งใกล้เคียงกับระดับในปี 2555 ในช่วงวิกฤตหนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าความผันผวนของตลาดในช่วงนี้ และทิศทางนโยบายการเงินจากธนาคารกลางยุโรป จะเป็นความท้าทายที่ยากที่สุดในการจัดการหนี้ของอิตาลี ซึ่งจะส่งผลต่อการคาดการณ์เส้นอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ หรือ Yield curve ได้ยากขึ้น
ทางด้าน ECB หรือธนาคารกลางยุโรป แม้จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 50 จุดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แต่ก็ได้ประกาศล่วงหน้าแล้วว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในวันที่ 16 มีนาคม โดยมีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งโดยรวมอาจปรับขึ้นสูงกว่า 3.5% จากปัจจุบันที่ 3.0% และมีแนวโน้มจะไม่ปรับลดลงในปีนี้ โดยให้เหตุผลว่าต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของธนาคารกลางยุโรป ยังไม่ได้รับการตอบรับอย่างเต็มที่จากเศรษฐกิจ และยังจำเป็นที่จะต้องทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับไปสู่กรอบเป้าหมายที่ 2% ได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ECB ก็ได้ลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่เคยดำเนินมาอย่างต่อเนื่องแปดปี ประมาณหนึ่งล้านล้านยูโรในระยะเวลาสามปีจากนี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้สามารถลดอัตราเงินเฟ้อลงเล็กน้อย 0.15% และลดการเติบโตของเศรษฐกิจลง 0.2%
ล่าสุด ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงจากระดับสูงสุดในปลายปี 2565 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาพลังงานที่ลดลง แต่เศรษฐกิจของยูโรโซนกลับยังคงเติบโตได้ดีกว่าที่ ECB คาดการณ์ไว้ ซึ่ง ECB ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในยูโรโซนอาจลดลงต่ำกว่า 3% ภายในสิ้นปีนี้ จาก 8.5% เดือนที่แล้ว หากราคาพลังงานลดลงอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากราคาผู้ผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาดและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง โดยจากข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจ ราคาผู้ผลิตหรือ PPI หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนธันวาคม ได้เพิ่มขึ้นถึง 0.7% ในเดือนมกราคม สูงสุดในรอบ 7 เดือน เนื่องจากต้นทุนราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้น ซึ่งแม้จะไม่รวมราคาพลังงานและราคาสินค้าที่ผันผวนสูงอื่นๆ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของผู้ผลิตก็ได้เพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว
ทั้งนี้ จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการการว่างงานที่ลดลงกว่าคาด ปัจจุบันตัวเลขอยู่ที่ 194,000 ราย เทียบกับที่คาดไว้ 200,000 ราย ก็ได้แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังเป็นไปได้ดี แม้จะมีนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น จึงอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะคงนโยบายการเงินแบบเข้มงวดมากขึ้นต่อไปอีก ซึ่งก็อาจส่งผลให้โดยรวมเงินยูโรมีแนวโน้มอ่อนค่ากว่าเงินดอลลาร์ต่อไปในปีนี้
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD EUR/USD
แนวต้านสำคัญ : 1.0689, 1.0697, 1.0711
แนวรับสำคัญ : 1.0661, 1.0653, 1.0639
5H Outlook
1H Outlook
ที่มา: Investing.com
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.0651 - 1.0661 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.0661 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0689 และ SL ที่ประมาณ 1.0646 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0689 - 1.0699 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0710 และ SL ที่ประมาณ 1.0660 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0689 - 1.0699 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.0689 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0652 และ SL ที่ประมาณ 1.0704 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.0651 - 1.0661 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0640 และ SL ที่ประมาณ 1.0688 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Feb 17, 2023 10:37AM GMT+7
Name | S3 | S2 | S1 | Pivot Points | R1 | R2 | R3 |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.0616 | 1.0639 | 1.0652 | 1.0675 | 1.0688 | 1.0711 | 1.0723 |
Fibonacci | 1.0639 | 1.0653 | 1.0661 | 1.0675 | 1.0689 | 1.0697 | 1.0711 |
Camarilla | 1.0656 | 1.0659 | 1.0663 | 1.0675 | 1.0669 | 1.0673 | 1.0676 |
Woodie's | 1.0612 | 1.0637 | 1.0648 | 1.0673 | 1.0684 | 1.0709 | 1.0719 |
DeMark's | - | - | 1.0646 | 1.0672 | 1.0682 | - | - |
Sources: Investing 1, Investing 2, Investing 3
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: Blog