ข้าวสาลีดัดแปลงพันธุกรรมอาจเข้ามาดิสรัปตลาดในอนาคต

ล่าสุด บราซิลกลายเป็นประเทศที่สองในโลกรองจากอาร์เจนตินาที่อนุมัติการเพาะปลูกข้าวสาลีดัดแปลงพันธุกรรม ส่งผลให้เกิดการหยุดพัฒนาข้าวสาลีลูกผสมในอเมริกาเหนือ สร้างความกังวลให้แก่สมาคมผู้ปลูกข้าวสาลีแห่งชาติ (NAWG) ต่อพื้นที่ปลูกและผลผลิตข้าวสาลีในสหรัฐฯที่อาจลดลง และอาจส่งผลให้การแข่งขันการปลูกข้าวสาลีในสหรัฐอเมริกาลดน้อยลง เนื่องจากการผสมพันธุ์ข้าวสาลีนั้นใช้ต้นทุนที่สูงและเวลานาน จึงไม่สร้างแรงจูงใจต่อภาครัฐและเอกชนในตลาดอเมริกาเหนือในการร่วมลงทุนวิจัยและพัฒนามากนัก

ปัจจุบัน ไม่ว่าจะข้าวโพดหรือถั่วเหลืองล้วนแล้วแต่ได้รับการเพาะเมล็ดด้วยพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรมในประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ๆของโลก แต่ในกรณีของข้าวสาลี ซึ่งเป็นพืชที่ปลูกเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์เป็นหลักนั้น ไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากนานาประเทศในช่วงที่ผ่านมา จนถึงขั้นเคยมีการบอยคอตข้าวสาลีดัดแปลงพันธุกรรมจากอเมริกาเหนือเกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจุบัน ข้าวสาลีดัดแปลงพันธุกรรมไม่ได้รับการปลูกเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า เนื่องจากผู้บริโภคกลัวสารก่อภูมิแพ้หรือสารพิษที่อาจเกิดขึ้นในวัตถุดิบหลักที่ใช้กันทั่วโลกสำหรับอาหารและขนมอบต่างๆ

อย่างไรก็ดี ตามข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) ในช่วง 25 ปีที่มีการเริ่มเพาะปลูกพืชข้าวโพดและถั่วเหลืองดัดแปลงพันธุกรรม การเพาะปลูกพืชดังกล่าวในสหรัฐฯ มีการขยายตัวถึง 13% และ 37% ตามลำดับ ในขณะที่การปลูกข้าวสาลีของสหรัฐฯ ลดลง 37% แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 100 ปีในปี 2020

แต่ทว่าตอนนี้ ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับวิกฤตอาหารโลกที่อาจเกิดขึ้น จากการหยุดชะงักของอุปทานข้าวสาลีทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสงครามในยูเครน เริ่มส่งผลให้ผู้เพาะพันธุ์ข้าวสาลีได้พยายามพัฒนาพันธุ์ข้าวสาลีข้ามสายพันธุ์ ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มผลผลิต แต่ยังทำให้พืชมีความทนทานต่อความแห้งแล้งและโรคต่างๆ ได้

โดยทัศนคติต่อพืชดัดแปลงพันธุกรรมนั้นแตกต่างกันไปทั่วโลก ยกตัวอย่างจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อถั่วเหลืองและข้าวโพดรายใหญ่ของโลก มีการอนุญาตให้นำเข้าเมล็ดพืชจีเอ็มโอสำหรับอาหารสัตว์ แต่เพิ่งเริ่มอนุมัติพันธุ์จีเอ็มโอสำหรับการเพาะปลูกได้ไม่นาน หรือออสเตรเลีย ที่ปลูกและส่งออกฝ้ายและคาโนลาดัดแปลงพันธุกรรม แต่ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้อนุมัติข้าวสาลีเทคโนโลยีชีวภาพสำหรับใช้ในอาหาร และในสหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตและผู้นำด้านอุตสาหกรรมข้าวสาลีบางรายเริ่มแสดงความสนใจในการใช้เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรจากข้าวสาลีและสร้างแรงจูงใจต่อเกษตรกรมากขึ้น ส่งผลให้องค์การการค้าสองกลุ่มในสหรัฐฯ ซึ่งได้แก่ U.S. Wheat Associates และ National Association of Wheat Growers เริ่มสนับสนุนข้าวสาลีเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการค้า เพื่อบรรเทาการหยุดชะงักของตลาดข้าวสาลีในอนาคต

ทั้งนี้ อุปทานข้าวสาลีทั่วโลกยังคงมีจำกัดกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากอุปสงค์โดยรวมที่แข็งแกร่ง โดยรัสเซียและยูเครนยังคงครองส่วนแบ่งในตลาดข้าวสาลีทั่วโลก โดยคาดว่า USDA อาจรายงานปริมาณสต็อกคงคลังของสหรัฐฯที่อาจเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการส่งออกข้าวสาลีของสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว และอาจเพิ่มแนวโน้มผลผลิตข้าวสาลีทั่วโลก

ทางด้านราคาซื้อขายข้าวสาลีล่วงหน้าในชิคาโกและแคนซัสซิตี้มีสัญญาณบ่งชี้ถึงการขายที่มากเกินไป (Oversold) โดยยังคงเฝ้าจับตาดูสภาพอากาศก่อนฤดูการปลูกข้าวสาลีในฤดูใบไม้ผลินี้ ในขณะที่สภาพความแห้งแล้งในบางส่วนของที่ราบสหรัฐฯ ได้คลี่คลายลงบ้างแล้ว แต่มากกว่าครึ่งหนึ่งของภูมิภาคยังคงได้รับผลกระทบจากสภาพดังกล่าวอยู่

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H)

แนวต้านสำคัญ : 696.27, 696.58, 697.10

แนวรับสำคัญ : 695.23, 694.92, 694.40             

1H Outlook

15Min Outlook

ที่มา: Investing.com 

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 694.73 - 695.23 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 695.23 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 696.27 และ SL ที่ประมาณ 694.53 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 696.27 - 696.77 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 697.05 และ SL ที่ประมาณ 694.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 696.27 - 696.77 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 696.27 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 694.90 และ SL ที่ประมาณ 696.97 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 694.73 - 695.23 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 694.40 และ SL ที่ประมาณ 696.27 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Mar 08, 2023 10:29AM GMT+7

Sources: Investing, Brownfield Ag News