แนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ย EU ล่าสุด

ตลาดบางส่วนคาดว่า ECB มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 50 จุด ในการประชุมนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 3 % นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีก่อน

จากรายงานการประชุมเดือนกุมภาพันธ์ของ ECB ที่ระบุว่ายังไม่มีสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงการอ่อนตัวลงหรือเสถียรภาพของดัชนีราคา เพิ่มความกังวลว่าแรงกดดันด้านราคายังคงดำเนินต่อไป ส่งผลให้ตลาดยังคงคาดการณ์เพิ่มเติมถึงความเป็นไปได้ที่ ECB จะปรับอัตราเพิ่มอีก 50 จุด ในการประชุมวันที่ 4 พฤษภาคม โดย Christine Lagarde ประธาน ECB จะแถลงการณ์เพิ่มเติมในการประชุมนโยบายในวันพฤหัสบดีนี้ ถึงทิศทางและขนาดอัตราในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

โดยจากข้อมูลตัวเลขอัตราเงินเฟ้อล่าสุด แสดงให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในยูโรโซนที่ยังคงสูงในเดือนที่แล้ว ทั้งนี้ ตัวเลขราคาผู้บริโภคของเยอรมนี แบบปรับให้สอดคล้องกับประเทศอื่น ๆ ในสหภาพยุโรป เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในเดือนกุมภาพันธ์ ในขณะที่เดือนมกราคมเพิ่มขึ้นเพียง 1.0%

ทางด้านอัตราเงินเฟ้อประจำปีแบบปรับตัวเลขของกรีซ ลดลงเหลือ 6.5% ในเดือนกุมภาพันธ์ จาก 7.3% ในเดือนมกราคม ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงเหลือ 6.1% ในเดือนที่แล้ว จาก 7.0% ในเดือนมกราคม โดยราคาอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนที่แล้ว ในขณะที่ค่าโดยสารเพิ่มขึ้น 7.9% และค่าที่อยู่อาศัยลดลง 4.9%

ทางด้านราคาผู้ผลิตภาคอุตสาหกรรมของอิตาลีลดลงอย่างเห็นได้ชัดในเดือนมกราคม สู่ระดับเดียวกับในช่วงฤดูร้อนปี 2564 เนื่องจากการลดลงของราคาพลังงาน โดยมีการปรับลดลง 7.5% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนมกราคม แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 11.1% ซึ่งสำนักสถิติแห่งชาติ ISTAT ของอิตาลีระบุว่า การชะลอตัวอย่างรวดเร็วของราคาผู้ผลิตในภาคอุตสาหกรรม มีสาเหตุหลักมาจากราคาขายปลีกในตลาดพลังงานภายในประเทศและราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลงอย่างมาก

อย่างไรก็ดี ล่าสุด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในสหรัฐฯ และยุโรปดิ่งลงในวันจันทร์ เนื่องจากตลาดประเมินแนวโน้มใหม่สำหรับทิศทางของธนาคารกลาง หลังจากที่สหรัฐฯ เบนเข็มเข้าช่วยเหลือ Silicon Valley Bank และ Signature Bank เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดเดิมพันว่า ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯและธนาคารกลางยุโรปไม่สามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกเร็วๆนี้ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงดำเนินเหนือกรอบเป้าหมายที่ 2%

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนของตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ อายุ 3 เดือนลดลง 30 จุด มาอยู่ที่ 4.66% ตัดความเป็นไปได้ที่เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า จนกว่าปัญหาที่ SVB และ SB จะคลี่คลาย โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะปรับกรอบเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือ FFR ขึ้นอีก 25 จุด มาอยู่ที่ช่วง 4.75%-5.0%

ในขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนตั๋วเงินเยอรมันอายุ 3 เดือนลดลงเพียงเล็กน้อย 17 จุด สู่ระดับ 2.70% เนื่องจากธนาคารกลางยุโรปยังคงเน้นย้ำว่าจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 50 จุดในการประชุมนโยบายแต่ละครั้ง

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช่วงนี้จะเป็นมาตรการเพียงชั่วคราวเท่านั้น จนกว่าการควบคุมผลกระทบจากการล่มสลายของ Silicon Valley Bank และ Signature Bank จะเป็นไปด้วยดี สอดคล้องกับเจตจำนงค์ของธนาคารกลางทั้งสองแห่งที่ยังคงยืนกรานถึงความจำเป็นในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ จึงส่งผลให้เงินยูโรมีแนวโน้มแข็งค่ากว่าเงินดอลลาร์เล็กน้อยในช่วงนี้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD EUR/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.0733, 1.0736, 1.0742

แนวรับสำคัญ : 1.0721, 1.0718, 1.0712               

5H Outlook

1H Outlook

ที่มา: Investing.com                              

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.0716 - 1.0721 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.0721 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0733 และ SL ที่ประมาณ 1.0713 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0733 - 1.0738 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0745 และ SL ที่ประมาณ 1.0720 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0733 - 1.0738 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.0733 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0718 และ SL ที่ประมาณ 1.0741 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.0716 - 1.0721 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0709 และ SL ที่ประมาณ 1.0736 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Mar 14, 2023 10:23AM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2