JPY อ่อนค่าหนัก เงินเฟ้อเกินกว่าคาด

หลังจากเกิดเงินเฟ้อขึ้นทั่วโลก ญี่ปุ่นเองก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่รอคอยเวลานี้มาอย่างยาวนาน เนื่องจากปัญหาเงินฝืด โดยอัตราเงินเฟ้อได้มีการเพิ่มขึ้นทุกเดือนและในการประกาศครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ค่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ที่ 4.3% และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ซึ่งจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนเมษายนนี้ได้เปิดเผยว่า การดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายตลอดระยะเวลาที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 10 ปีเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดนั้น ถือว่าประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง

โดยทางธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำและจะดำเนินการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve control) ต่อไปและ BoJ ยังกล่าวว่าจะยังคงช่วงความผันผวนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีที่อยู่ระหว่าง 0.5% ถึง -0.5% และยังดำเนินมาตรการผ่อนคลายต่อไป

BoJ ยังประกาศไว้ว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในระดับปานกลางจนถึงกลางปี 2023 เป็นผลมาจากการอุดหนุนราคาพลังงานของรัฐบาลและการผ่อนคลายแรงกดดันจากอัตราสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูง แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจในญี่ปุ่นนั้นแทบจะไม่ขยายตัวเลยในไตรมาสที่สี่ ท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและกิจกรรมการผลิตที่ชะลอตัว

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังต้องเจอกับความต้องการสินค้าญี่ปุ่นที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก โดยในเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ขาดดุลการค้าหนักที่สุดในรอบ 44 ปี โดยการส่งออกสินค้าในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากธันวาคมที่ขยายตัว 11.5% 

โดยตัวเลขการขาดดุลการค้ารวมกับข้อมูล GDP ในไตรมาสที่สี่ของปีที่แล้วที่ขยายตัวเพียง 0.6% และอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าที่คาดการณ์ สะท้อนถึงความท้าทายของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่กำลังใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายพิเศษเพื่อกระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจ และยังคงลุ้นต่อว่าผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นคนต่อไปจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินหรือไม่