ยูโรยังคงปั่นป่วนจากหลายปัจจัย

หลังจากความปั่นป่วนในระบบธนาคารจากการขึ้นดอกเบี้ยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Credit Suisse ที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบธนาคารทั่วโลก ที่ได้ออกหุ้นกู้ซึ่งตอนนี้ได้มีมุลค่ากลายเป็น 0 ไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งหุ้นกู้ตัวนี้ก็ได้ส่งผลกระทบอย่างมากไปยังอีกหลาย ๆ ธนาคารทั่วโลกและรวมถึงตัวนักลงทุนเองด้วย

โดยในส่วนของผู้จัดการกองทุนในยุโรปมีความวิตกเป็นพิเศษ โดยเกือบ 1 ใน 3 ระบุว่า "เหตุการณ์ด้านความน่าเชื่อถือต่อระบบ" เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดสำหรับตลาด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเพียง 8% ในผลสำรวจในเดือนก.พ. และทำให้เรื่องเงินเฟ้อหลุดจากเรื่องที่กังวลมากที่สุดเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน

ผลสำรวจยังพบว่า ปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดภาวะถดถอย และภาวะที่เงินเฟ้อสูงแต่เศรษฐกิจชะลอตัว (stagflation) กำลังเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่าครึ่งจาก 212 กองทุนที่สำรวจความเห็นทั่วโลกคาดว่า เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง แต่ 84% คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลง และ 88% คิดว่า ภาวะ stagflation เป็นผลลัพธ์เศรษฐกิจมหภาคที่เป็นไปได้ที่สุดที่จะเกิดขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า

ในบรรดาผู้จัดการกองทุนของยุโรป 61% คาดว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า เพิ่มขึ้นจาก 55% ในเดือนก.พ. และ 42% คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอย เพิ่มขึ้นจาก 24% จากเดือนที่แล้ว

แต่ทั้งนี้ นายอันเดรอา เอ็นเรีย ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคารของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า "สถานะเงินทุนและสภาพคล่องของธนาคารต่าง ๆ ยังแข็งแกร่งอยู่ และสูงเกินข้อกำหนดอย่างมาก โดยอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของ (CET1) รวมกันอยู่ที่ 15.3% และอัตราส่วนการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่รุนแรงอยู่ที่ 161% ณ สิ้นไตรมาส 4 ปีที่แล้ว"