นโยบายการเงินแคนาดาเริ่มทำงาน

หลังจากที่เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศแคนาดาได้กลายเป็นธนาคารกลางรายใหญ่แห่งแรกที่หยุดใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดชั่วคราว โดยคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50% เนื่องจากเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว และอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มลดลง รวมถึงเพื่อวัดผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งก่อนๆ โดยให้คํามั่นว่าจะระงับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อยังคงผ่อนคลายลงตามการคาดการณ์

ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศแคนาดายังคงแสดงความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่ากรอบเป้าหมาย 2% โดย ​BoC ตั้งข้อสังเกตว่าอัตราเงินเฟ้อภาคบริการมีความหนืดกว่าที่คิดไว้ และอาจพิจารณากระชับนโยบายการเงินอีกครั้ง หลังจากที่ในเดือนมกราคม คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 3% ในช่วงกลางปีและชะลอตัวลงเหลือ 2% ในปีหน้า

อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อของแคนาดาโดยรวมมีการชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนกุมภาพันธ์สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือน โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปประจําปีลดลงมากสุดในรอบเกือบสามปีเหลือ 5.2% ในเดือนกุมภาพันธ์ จาก 5.9% ในเดือนมกราคม และต่ำว่าการคาดการณ์ที่ 5.4% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ทางด้านราคาพลังงานลดลง 0.6% ในเดือนกุมภาพันธ์ ในขณะราคาที่พักอาศัยค่อยๆปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน

ส่งผลให้ตลาดเงินส่วนใหญ่มองว่า BoC น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 12 เมษายน และอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปลายปีนี้ อันเนื่องมาจากความวุ่นวายในภาคธนาคารช่วงนี้ที่แสดงให้เห็นว่าการผลักดันอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินไปอาจทําให้เกิดความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจกว่าที่คิด

อย่างไรก็ดี แม้ BoC จะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนได้หยุดพักหายใจ แต่ด้วยต้นทุนการกู้ยืมที่คาดว่าจะยังคงสูงไปอีกนาน ชาวแคนาดาส่วนใหญ่จึงหันไปออมเงิน และใช้จ่ายให้กับปัจจัยพื้นฐาน เช่น อาหาร เสื้อผ้า และที่พักอาศัยมากกว่าการจับจ่ายใช้สอยฟุ่มเฟือย ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว อาจเป็นการท้าทายเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 15 ปี เนื่องจากการใช้จ่ายค้าปลีกของภาคครัวเรือนคิดเป็นประมาณ 5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของแคนาดา ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของแคนาดาชะลอตัวเร็วกว่าที่คาดไว้

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง อาจเป็นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆเช่นกัน ในขณะที่ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกเตรียมที่จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อเร็วๆนี้

โดยล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เงินดอลลาร์ได้แตะใกล้ระดับต่ำสุดในรอบเจ็ดสัปดาห์ หลังจากที่ตลาดคาดว่าเฟดอาจใกล้จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเมื่อคืนวันพฤหัสบดี ธนาคารกลางสหรัฐฯได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาดอีก 25 จุด แต่ยังคงคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสูงสุดไว้ที่ 5.1% ในปีนี้ โดยพาวเวลล์ได้ปฏิเสธถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ แม้ผลตอบแทนของแคนาดาและสหรัฐฯจะต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่เศรษฐกิจแคนาดาเริ่มมีการส่งสัญญาณชะลอตัวเร็วกว่าประเทศเศรษฐกิจหลักอื่นๆแล้ว จึงคาดว่าจะส่งผลให้เงินดอลลาร์แคนาดามีแนวโน้มทรงตัว ไปจนถึงอ่อนค่ากว่าดอลลาร์สหรัฐได้ในช่วงนี้ โดยข้อมูลประกอบตัวเลขเศรษฐกิจของแคนาดาที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้คือ ยอดค้าปลีกประจำเดือนมกราคม ที่มีกำหนดเผยแพร่ช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาประเทศไทย

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD USD/CAD

แนวต้านสำคัญ : 1.3730, 1.3738, 1.3751

แนวรับสำคัญ : 1.3704, 1.3696, 1.3683       

5H Outlook

ที่มา: Investing.com                                

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3699 - 1.3704 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.3704ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3735 และ SL ที่ประมาณ 1.3696 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3730 - 1.3735 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3745 และ SL ที่ประมาณ 1.3702 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3730 - 1.3735 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.3730ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3701 และ SL ที่ประมาณ 1.3738 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.3699 - 1.3704 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3690 และ SL ที่ประมาณ 1.3732 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Mar 24, 2023 09:38AM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2