น้ำมันดิบกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ฟิวเจอร์สตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการซื้อขายทรงตัวในช่วงต้นสัปดาห์ หลังจากปิดตลาดเป็นบวกเมื่อสัปดาห์ก่อน จากดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่ผ่อนคลายลงได้เพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดทุนมากขึ้น

ล่าสุด ราคาน้ำมันที่ปรับตัวพุ่งสุงขึ้นในวันจันทร์หลังจากซาอุดิอาระเบียและผู้ผลิตรายอื่นในกลุ่ม OPEC+ ประกาศลดกำลังการผลิตอีกประมาณ 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สร้างความประหลาดใจและส่งสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่อาจสูงขึ้นอีกระลอก ส่งผลให้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า S&P 500 ลดลง 0.3% ในเช้าวันจันทร์ ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้า Nasdaq ร่วงลง 0.6% ก่อนที่จะปิดตลาดด้วย +0.37% จากแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน และ -0.27% ตามลำดับ

ทั้งนี้ จากรายงานกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี PCE เพิ่มขึ้นเพียง 5.0% ในเดือนกุมภาพันธ์จากปีก่อนหน้า ลดลงจาก +5.3% ในเดือนมกราคม โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 4.6% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 2 ปีเพิ่มขึ้น 4 จุดพื้นฐานเป็น 4.11% ในขณะที่ฟิวเจอร์ส Fed fund (FFR) ตัดความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยตลาดได้ปรับเพิ่มความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 25 จุดในเดือนพฤษภาคมเป็น 61% จาก 48% ในวันศุกร์

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงมีความแข็งแกร่งในไตรมาสแรกของปีนี้ แม้ว่าจะมีการเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารจำนวนมากหลังจากการล่มสลายของธนาคาร 2 แห่งทำให้เกิดความหวาดกลัวต่อวิกฤตการเงินในวงกว้าง โดยดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้นถึง 16.8% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายไตรมาสที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 ในขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 7% ดีดตัวขึ้นหลังจากลดลงเกือบ 20% ในปี 2022 และดัชนีดาวโจนส์ปิด 0.4% ณ สิ้นสุดไตรมาส

ทางด้านข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าสนใจและคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนตำแหน่งงานว่างประจำเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งตัวเลขก่อนหน้าอยู่ที่ 10.824M ในขณะที่ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ 10.4M  และปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ที่ตัวเลขก่อนหน้าอยู่ที่ -7.489M ในขณะที่ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ 0.092M รวมถึง U.S. Nonfarm Payrolls หรือดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯประจำเดือนมีนาคม โดยตัวเลขก่อนหน้าอยู่ที่ 311k ในขณะที่ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ 238k  มีกำหนดรายงานในค่ำวันอังคาร วันพุธและวันศุกร์ตามลำดับ ซึ่งถึงแม้ว่าตัวเลขดัชนีตำแหน่งงานว่าง และดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะมีแนวโน้มปรับลดลง บ่งชี้ถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัวจะสามารถช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นสหรัฐฯได้ แต่หากสถานการณ์อุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกเริ่มส่งสัญญาณหยุดชะงัก ในขณะที่อุปสงค์ยังคงเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น อาจผลักดันให้ราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้น และอาจส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตอบรับนโยบายที่เข้มงวดจากเฟดอีกครั้ง และกดดันตลาดทุนสหรัฐฯโดยรวมได้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD US 500 [S&P 500]

แนวต้านสำคัญ : 4124.5, 4126.1, 4128.9

แนวรับสำคัญ : 4118.9, 4117.3, 4114.5            

5H Outlook

1H Outlook    

ที่มา: Investing.com                           

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 4113.9 - 4118.9 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 4118.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4125.0 และ SL ที่ประมาณ 4110.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 4124.5 - 4129.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4132.0 และ SL ที่ประมาณ 4115.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 4124.5 - 4129.5 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 4124.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4118.0 และ SL ที่ประมาณ 4132.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 4113.9 - 4118.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4110.0 และ SL ที่ประมาณ 4127.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Apr 04, 2023 08:39AM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2