Bitcoin ยังคงแข็งแกร่งอยู่
หลังจากที่ Bitcoin มีความพยายามขึ้นไปทะลุแนวต้านสำคัญที่ 29,000 ดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม จากนั้นก็เกิดแรงเทขายลงสู่ระดับราคาที่ 27,000 ดอลลาร์สหรัฐโดยใช้เวลาเพียงไม่นานมากนักหลังจากไปแตะ 29,000 ดอลลาร์สหรัฐได้สำเร็จ
โดยข่าวที่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้คงหนีไม่พ้นของกลุ่ม OPEC+ ที่ได้มีการลดระดับการผลิตน้ำมันลงมากกว่าเดิม ซึ่งนี่เองก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนมีความกังวลว่าจะเกิดเงินเฟ้อขึ้นได้อีกครั้งและอาจจะต้องมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มมากขึ้นหากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังไม่มีทีท่าว่าจะปรับตัวลดลง
แต่ในอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้มีข่าวที่ได้พูดกันอย่างแพร่หลายในหมู่นักขุด Bitcoin คือเรื่องการปรับลดจำนวนรางวัลที่ได้จากการขุด Bitcoin (Bitcoin Halving) โดยจะมีการลดลงครึ่งหนึ่ง ตามสถิติที่ผ่านมาได้คาดการณ์ไว้ว่าจะเหลือเวลาไม่เกิน 400 วันเท่านั้นก่อนการปรับลด
ระบบการทำงานของ Bitcoin มีหลักการทำงานที่เรียกว่า Proof-of-Work ซึ่งก็คือการที่ผู้ที่จะมีสิทธิเซ็นรับรองข้อมูลชุดใหม่ที่จะถูกเพิ่มลงไปในบล็อกเชนต้องพิสูจน์ตัวเองผ่านการลงมือทำ (Work) ซึ่งในกรณีของ Bitcoin จะพิสูจน์ผ่านการให้ผู้ใช้ในเครือข่ายแข่งกันใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผลเพื่อแก้ไขสมการทางคณิตศาสตร์ แลกกับสิทธิในการรับรองธุรกรรม การแก้ไขสมการนี้เรียกว่า “การขุด”
ในปัจจุบัน เครือข่าย Bitcoin ได้มีการให้รางวัลคนขุด Bitcoin อยู่ที่ 6.25 เหรียญต่อบล็อกคิดเป็นเงินดอลลาร์จะอยู่ที่ 177,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อบล็อก โดยการ Halving ครั้งที่ผ่านมาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ปี 2020 ลดลงจาก 12.5 เป็น 6.25 เหรียญและจะเกิด Halving ครั้งต่อไป คือประมาณเดือนมีนาคม ปี 2024 ซึ่งรางวัลจะลดลงจาก 6.25 เหรียญ เป็น 3.125 เหรียญซึ่งนี่หมายความว่าจำเป็นต้องมีการขุดเพิ่มขึ้น 2 เท่าเพื่อให้ได้จำนวนเหรียญที่เท่าเดิมจึงเป็นการเสริมความเเข็งแกร่งของโครงสร้างของเครือข่าย Bitcoin ให้เพิ่มขึ้นไปอีก
การที่รางวัลจากการขุด Bitcoin ลดลงทุก ๆ 4 ปี หมายความว่าจะมี Bitcoin เหรียญใหม่เข้าสู่ตลาดน้อยลงหรืออุปทานของ Bitcoin จะน้อยลงนั่นเองรวมถึงการที่ Bitcoin ยังถูกสร้างขึ้นมาให้มีจำนวนสูงสุดได้ที่ 21 ล้านเหรียญ โดย ณ เวลาที่เขียนนี้ มี Bitcoin ออกมาแล้วประมาณ 19 ล้านเหรียญ จึงทำให้ตลาดเกิดการเก็งราคากันเกิดขึ้นและทำให้ราคาของ Bitcoin ยังไม่ลงไปมากนัก
จากสภาพตลาดดังกล่าว ส่งผลให้ Market Cap. โดยรวมตลาดคริปโทเคอร์เรนซีล่าสุดลดลง 2.44% เหลือ 1.16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 5.89% เป็น 3.27 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 28004.6, 28113.3, 28269.6
แนวรับสำคัญ: 27739.6, 27583.3, 27474.6
ที่มา: Investing.com
ชื่อ | S3 | S2 | S1 | จุดกลับตัว | R1 | R2 | R3 |
Classic | 27474.6 | 27583.3 | 27739.6 | 27848.3 | 28004.6 | 28113.3 | 28269.6 |
Fibonacci | 27583.3 | 27684.5 | 27747.1 | 27848.3 | 27949.5 | 28012.1 | 28113.3 |
Camarilla | 27823.1 | 27847.4 | 27871.7 | 27848.3 | 27920.3 | 27944.6 | 27968.9 |
Woodie's | 27498.4 | 27595.2 | 27763.4 | 27860.2 | 28028.4 | 28125.2 | 28293.4 |
DeMark's | - | - | 27794.0 | 27875.5 | 28059.0 | - | - |
Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 27583.3 - 27739.6 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 27739.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 28113.3 และ SL ที่ประมาณ 27474.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 28004.6 - 28113.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 28269.6 และ SL ที่ประมาณ 27583.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 28004.6 - 28113.3 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 28004.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 27583.3 และ SL ที่ประมาณ 28269.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 27583.3 - 27739.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 27474.6 และ SL ที่ประมาณ 28113.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
ชื่อ | มูลค่า | Action |
RSI(14) | 48.720 | ถือหุ้นไว้ |
STOCH(9,6) | 97.286 | ซื้อมากเกินไป |
STOCHRSI(14) | 47.029 | ถือหุ้นไว้ |
MACD(12,26) | -11.700 | ขาย |
ADX(14) | 37.262 | ขาย |
Williams %R | -2.935 | ซื้อมากเกินไป |
CCI(14) | -54.9560 | ขาย |
ATR(14) | 382.4286 | ผันผวนน้อยลง |
Highs/Lows(14) | 0.0000 | ถือหุ้นไว้ |
Ultimate Oscillator | 53.276 | ซื้อ |
ROC | -1.362 | ขาย |
Bull/Bear Power(13) | -150.7160 | ขาย |
ซื้อ:1 ขาย:5 ถือหุ้นไว้:3 สรุป:ขาย |