ภาวะขาขึ้นน้ำมันดิบมีแนวโน้มถูกจำกัด

ราคาน้ำมันดิบล่าสุดปิดตลาดวันพฤหัสบดีด้วยราคาที่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลังจากที่ทั้งสองดัชนีอย่าง Brent และ WTI พุ่งขึ้นมากกว่า 6% ในสัปดาห์นี้ จากการที่กลุ่ม OPEC+ สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดเมื่อวันอาทิตย์ด้วยการลดกำลังการผลิตต่อวันลงอีก 1.7 ล้านบาร์เรล หลังจากที่มีการหารือกันก่อนหน้านี้ในเดือนพฤศจิกายนที่จะลดการผลิตลง 2.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ที่ลดลงมากกว่าที่คาดเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน บ่งชี้ถึงความเตรียมความพร้อมรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการเดินทางในช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ โดยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯลดลง 3.74 ล้านบาร์เรล หลังจากที่ลดลง 7.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน รวมถึงบริษัทพลังงานของสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ได้มีการปรับลดจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน โดยจำนวนแท่นขุดเจาะซึ่งเป็นตัวบ่งชี้เบื้องต้นสำหรับกำลังการผลิตในอนาคต ถูกปรับลดลง 2 แท่น เหลือ 590 แท่นในสัปดาห์นี้

อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบยังคงถูกจำกัดในช่วงนี้ จากข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ที่บ่งชี้ถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว รวมถึงการเติบโตในภาคบริการของสหรัฐฯที่ชะลอกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 17 สัปดาห์ มาอยู่ที่ 228,000 ราย ซึ่งนับเป็นจำนวนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม หลังจากที่ตัวเลขค่อยๆเพิ่มสูงขึ้นกว่า 200,000 ราย เป็นเวลาเก้าสัปดาห์ติดต่อกัน ส่งสัญญาณภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น แม้ว่าจะส่งผลดีมีแนวโน้มช่วยลดแรงกดดันทางนโยบายการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐฯลงได้

ทางด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคบริการของจีนเดือนมีนาคมฟื้นตัวเร็วที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง จากการอุปโภคบริโภคที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้ตัวเลขคำสั่งซื้อใหม่และจำนวนงานเพิ่มขึ้น โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (PMI) ของ Caixin/S&P Global เพิ่มขึ้นเป็น 57.8 ในเดือนมีนาคม จาก 55.0 ในเดือนกุมภาพันธ์ ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020 ในขณะที่ PMI แบบรวมกิจกรรมภาคการผลิตและภาคบริการเพิ่มขึ้นเป็น 54.5 จาก 54.2 ในเดือนก่อนหน้า โดยนับเป็นการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว

ทั้งนี้ ตลาดบางส่วนคาดว่าราคาน้ำมันดิบยังคงมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นได้อีกเล็กน้อยในช่วงนี้ โดยเชื่อว่าการปรับลดกำลังการผลิตจาก OPEC+ และปริมาณน้ำมันคงคลังสหรัฐฯที่ลดลง รวมถึงการฟื้นตัวของจีน จะสามารถช่วยหนุนราคาน้ำมันได้มากกว่าความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนในตลาดอนุพันธ์คาดการณ์แตกต่างออกไป โดยปริมาณการซื้อพุทออปชั่น (คาดการณ์หรือป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่อาจจะตก) นั้นมีมากกว่าการซื้อคอลออปชั่น (คาดการณ์หรือป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่อาจจะเพิ่ม)  บ่งบอกถึงความกังวลว่าราคาน้ำมันดิบอาจมีแนวโน้มร่วงลงได้อยู่ โดยก่อนปิดตลาดสัปดาห์นี้ คาดว่านักลงทุนจะให้ความสนใจกับอัตราการว่างงานเดือนมีนาคม รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 238,000 ตำแหน่งในเดือนมีนาคม ลดลงจาก +311,000 ตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า ที่มีกำหนดเผยแพร่ในค่ำวันนี้ ซึ่งอาจตอกย้ำถึงการเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว กดดันราคาน้ำมันดิบลงได้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)

แนวต้านสำคัญ : 80.74, 80.95, 81.28

แนวรับสำคัญ : 80.08, 79.87, 79.54       

5H Outlook

1H Outlook

ที่มา: Investing.com                       

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 79.98 - 80.08 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 80.08 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 80.84 และ SL ที่ประมาณ 79.93 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 80.74 - 80.84 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 81.23 และ SL ที่ประมาณ 80.03 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 80.74 - 80.84 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 80.74 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 80.06 และ SL ที่ประมาณ 80.89 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 79.98 - 80.08 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 79.67 และ SL ที่ประมาณ 80.79 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Apr 07, 2023 04:10AM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2, Investing 3