ญี่ปุ่นยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากเป็นพิเศษต่อไป

นายคาสุโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) คนใหม่ ได้ส่งสัญญาณว่า เขาไม่รีบร้อนที่จะปรับลดการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของ BoJ โดยเขากล่าวไว้ว่า สิ่งที่เหมาะสมสำหรับ BoJ คือการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากเป็นพิเศษต่อไป เพราะว่าอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังไม่มีแนวโน้มว่าจะอยู่ที่ระดับ 2% อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี เขากล่าวเสริมว่า BoJ จำเป็นจะต้องเลี่ยงการดำเนินการที่ล่าช้าเกินไป ในการปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ และการแถลงนี้ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เขายอมรับแนวคิดในการปรับแก้นโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve Control: YCC) ซึ่งเป็นนโยบายของนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ อดีตผู้ว่าการ BoJ ที่เพิ่งเกษียณจากตำแหน่งในวันเสาร์ที่ 8 เม.ย.

นายอุเอดะกล่าวในงานแถลงข่าวในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า "ถ้าหาก BoJ ยังคงมาตราการไว้ อัตราเงินเฟ้อจะปรับเข้าสู่ระดับ 2% อย่างมีเสถียรภาพและอย่างยั่งยืน และจากนั้นค่อยตัดสินใจที่จะปรับนโยบายให้เข้าสู่ภาวะปกติ แต่การทำเช่นนั้นก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจและตลาดประสบภาวะปั่นป่วนวุ่นวายเป็นอย่างมาก และด้วยเหตุนี้สิ่งที่สำคัญจึงเป็นการตัดสินใจอย่างเหมาะสมและการตัดสินใจเชิงป้องกันล่วงหน้า" 

ทั้งนี้ เขากล่าวว่า ถึงแม้มีสัญญาณบ่งชี้มากยิ่งขึ้นในช่วงนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะปรับเข้าใกล้ระดับเป้าหมายที่ 2% ได้อย่างยั่งยืน BoJ ก็จำเป็นจะต้องใช้เวลานานกว่านี้ในการพิจารณาว่า ค่าแรงจะปรับขึ้นต่อไปหรือไม่

นายชิงโงะ อิเดะ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนหุ้นของสถาบันวิจัย NLI กล่าวว่า "นายอุเอดะส่งสัญญาณว่า ภาวะเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจในตอนนี้ไม่สนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ ดังนั้นโอกาสที่ BoJ จะปรับนโยบายในเดือนเม.ย.จึงปรับลดลงเป็นอย่างมาก" 

ทั้งนี้ นายอุเอดะกล่าวว่า ถ้าหากมองว่า BoJ จะสามารถบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อได้ BoJ ก็อาจจะมีความจำเป็นต้องปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ "แต่ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น เราก็อาจจะมีความจำเป็นต้องคิดหากรอบการทำงานที่มีความยั่งยืนมากกว่าเดิม โดยเน้นไปที่การจัดการกับผลข้างเคียงที่เกิดจากการผ่อนคลายทางการเงิน"

นายชินอิจิ ยูชิดะ รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) กล่าวว่า BoJ จะยังคงผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้ออย่างยั่งยืน และมีเสถียรภาพ ขณะเดียวกันก็จะสนับสนุนเศรษฐกิจและการขึ้นค่าจ้าง

เขากล่าวว่า ระบบการเงินของญี่ปุ่นมีเสถียรภาพโดยรวม โดยสถาบันการเงินของญี่ปุ่นมีเงินทุนจำนวนมาก และมีวิธีการในการระดมทุนภายใต้นโยบายการคุมเข้มทั่วโลก และภาวะตึงตัวต่างๆที่เกิดจากนโยบายคุมเข้มดังกล่าว แต่ผลกระทบต่อสถาบันการเงินของญี่ปุ่นมีจำกัด และมีผลกระทบจำกัดจากความไม่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับระบบการเงินโลก หลังจากเกิดปัญหาในภาคธนาคารของชาติตะวันตก

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)

แนวต้านสำคัญ: 134.15, 134.30, 134.52

แนวรับสำคัญ: 133.77, 133.56, 133.40

ที่มา: Investing.com