ผลกำไรไตรมาสแรกในภาคการเงินดัน S&P 500 สูงขึ้นช่วงนี้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ จากกำไรในภาคการเงิน อุตสาหกรรม และสาธารณูปโภค โดยธุรกิจภาคการเงินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% จากผลประกอบการไตรมาสแรกในหุ้นกลุ่มธนาคาร ในขณะที่ความเชื่อมั่นในการเติบโตของตลาดในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีลดลง จากแรงกดดันของอัตราผลตอบแทนตั๋วคลังที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯอีก 25 จุดในการประชุมเดือนหน้า ที่หนุนด้วยข้อมูลตัวเลขดัชนี Empire State ของเฟดในรัฐนิวยอร์กที่บ่งชี้กิจกรรมการผลิต พุ่งขึ้นสู่ระดับ 10.8 เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนในเดือนเมษายน และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ -18.0
ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มภาคการเงินการธนาคารเป็นส่วนใหญ่ โดยกลุ่มการเงินเพิ่มขึ้น 1.1% ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.8% ในขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีน้ำหนักต่ำกว่า เพิ่มขึ้น 2.2% และหุ้นกลุ่มพลังงานลดลง 1.3%
โดยนักลงทุนยังคงรอรายงานผลประกอบการเพิ่มเติมที่จะรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ Johnson & Johnson (NYSE:JNJ), Tesla (NASDAQ:TSLA) Inc และ Netflix Inc (NASDAQ:NFLX) โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึง Goldman Sachs Group Inc (NYSE:GS), Bank of America Corp (NYSE:BAC) และ Morgan Stanley (NYSE:MS) หลังจาก JP Morgan Chase (NYSE: JPM) & Co , Citigroup (NYSE:C) และ Wells Fargo (NYSE:WFC) กอบโกยผลกำไรจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในรายงานไตรมาสแรกที่เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และความกังวลในระบบธนาคารที่เริ่มผ่อนคลาย
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลของ Refinitiv IBES ผลประกอบการของบริษัทในดัชนี S&P 500 คาดว่าจะลดลง 4.8% ในไตรมาสแรกจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนอกจากรายงานผลประกอบการแล้ว ตลาดยังเพ่งเล็งไปที่ผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อดูทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่องและผลกระทบจากวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรงที่สุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ นับตั้งแต่ทศวรรษ 1980
ซึ่งในปีที่แล้ว ตลาดอุปโภคบริโภคสหรัฐฯยังมีความแข็งแกร่งอย่างมาก แม้อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มต้นทุนสำหรับสินเชื่อจำนองไปจนถึงสินเชื่อบัตรเครดิต แต่ทว่าในปีนี้ การเลิกจ้างในวงกว้างจากบริษัทและองค์กรในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีในไตรมาสแรก และวิกฤตการธนาคารล่าสุดคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อหลายครัวเรือนที่อาจลดค่าใช้จ่ายด้านความบันเทิง ร้านอาหาร รถยนต์ และโรงแรม จึงอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯโดยรวมช่วงนี้มีแนวโน้มผันผวนตามรายงานผลประกอบการ โดยแนวโน้มคาดว่าจะชัดเจนหลังจากที่ตลาดได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากคำแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดถึงเส้นทางของอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคมนี้
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD US 500 [S&P 500]
แนวต้านสำคัญ : 4154.3, 4157.9, 4163.7
แนวรับสำคัญ : 4142.7, 4139.1, 4133.3
5H Outlook
ที่มา: Investing.com
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 4137.7 - 4142.7 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 4142.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4157.0 และ SL ที่ประมาณ 4134.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 4154.3 - 4159.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4166.0 และ SL ที่ประมาณ 4139.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 4154.3 - 4159.3 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 4154.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4143.0 และ SL ที่ประมาณ 4162.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 4137.7 - 4142.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4130.0 และ SL ที่ประมาณ 4157.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Apr 18, 2023 10:21AM GMT+7
Name | S3 | S2 | S1 | Pivot Points | R1 | R2 | R3 |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 4127.0 | 4133.3 | 4142.2 | 4148.5 | 4157.4 | 4163.7 | 4172.6 |
Fibonacci | 4133.3 | 4139.1 | 4142.7 | 4148.5 | 4154.3 | 4157.9 | 4163.7 |
Camarilla | 4146.8 | 4148.2 | 4149.6 | 4148.5 | 4152.4 | 4153.8 | 4155.2 |
Woodie's | 4128.2 | 4133.9 | 4143.4 | 4149.1 | 4158.6 | 4164.3 | 4173.8 |
DeMark's | - | - | 4145.3 | 4150.1 | 4160.5 | - | - |
Sources: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: Blog