ดอลลาร์อ่อนค่าจากเศรษฐกิจที่คาดว่าจะหดตัว
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมาพอสมควร ในขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นหลังการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) มีสัญญาณที่ดีขึ้นในยูโรโซน
ยูโรแข็งค่าขึ้น หลังเอสแอนด์พี โกลบอล รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการขั้นต้นของสหภาพยุโรป (EU) อยู่ที่ 54.4 ในเดือนเม.ย. ถือเป็นการทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 เดือน โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 53.7 ในเดือนมี.ค.
การที่ดัชนี PMI ที่อยู่เหนือระดับ 50 สามารถบอกได้ว่ากิจกรรมภาคธุรกิจของ EU กำลังอยู่ในภาวะขยายตัวทางเศรษฐกิจ และตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าที่โพลล์ของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดไว้ว่าดัชนี PMI จะคงอยู่ที่ระดับเดิม
การที่ดัชนี PMI ได้เพิ่มขึ้นมานั้น ได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวของการจ้างงานและคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจปรับตัวขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 50.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 49.2 ในเดือนมี.ค. และดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 53.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 เดือน จากระดับ 52.6 ในเดือนมี.ค.
การที่เงินดอลลาร์ที่ได้มีการปรับตัวลดลงมานั้นเกิดจากความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ภาวะชะลอตัวอย่างรุนแรง และได้ส่งผลกระทบต่อดัชนีดอลลาร์ในช่วงปลายปีที่แล้ว หลังจากที่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 20 ปีเมื่อปลายปีก่อน
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ถูกคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมการกำหนดนโยบายในสัปดาห์หน้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อได้พิสูจน์แล้วว่าคงที่กว่าที่คาดไว้จากการประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางจะเริ่มการผ่อนคลายนโยบายการเงินในปีนี้
โดยข้อมูล GDP ในไตรมาสแรกจะมีการประกาศในวันพฤหัสบดีที่กำลังจะมาถึง โดยรายงานถูกคาดว่าจะแสดงให้เห็นว่าการเติบโตที่ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้ ดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดใช้อ้างอิงในการปรับนโยบายการเงิน จะถูกเปิดเผยในสัปดาห์นี้เช่นกัน และคาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงแข็งค่าไปจนถึงเดือนมีนาคม
ทางด้านยูโรโซนก็มีกำหนดการเปิดเผยข้อมูลของ GDP ไตรมาสแรกในวันศุกร์นี้เช่นกัน และคาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในการเติบโตไตรมาสนี้ ขณะที่รายงานเงินเฟ้อเดือนเมษายนจากประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอย่าง เยอรมนี ฝรั่งเศส และ สเปน มีแนวโน้มที่จะชี้ไปที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 0.9116, 0.9123, 0.9133
แนวรับสำคัญ: 0.9098, 0.9089, 0.9081
ที่มา: Investing.com
จุดกลับตัว 24 เมษายน 2566 18:08 น. GMT+7
| ชื่อ | S3 | S2 | S1 | จุดกลับตัว | R1 | R2 | R3 |
| Classic | 0.9081 | 0.9089 | 0.9098 | 0.9106 | 0.9116 | 0.9123 | 0.9133 |
| Fibonacci | 0.9089 | 0.9095 | 0.9099 | 0.9106 | 0.9113 | 0.9117 | 0.9123 |
| Camarilla | 0.9104 | 0.9106 | 0.9107 | 0.9106 | 0.9111 | 0.9112 | 0.9114 |
| Woodie's | 0.9083 | 0.9090 | 0.9100 | 0.9107 | 0.9118 | 0.9124 | 0.9135 |
| DeMark's | - | - | 0.9102 | 0.9108 | 0.9120 | - | - |
Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 0.9089 - 0.9098 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 0.9098 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.9123 และ SL ที่ประมาณ 0.9081 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 0.9116 - 0.9123 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.9133 และ SL ที่ประมาณ 0.9089 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 0.9116 - 0.9123 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 0.9116 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.9089 และ SL ที่ประมาณ 0.9133 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 0.9089- 0.9098 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.9081 และ SL ที่ประมาณ 0.9123หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
ตัวชี้วัดทางเทคนิค 24 เมษายน 2566 18:08 น. GMT+7
| ชื่อ | มูลค่า | Action |
| RSI(14) | 39.457 | ขาย |
| STOCH(9,6) | 35.013 | ขาย |
| STOCHRSI(14) | 0.000 | ขายมากเกินไป |
| MACD(12,26) | -0.001 | ขาย |
| ADX(14) | 18.247 | ถือหุ้นไว้ |
| Williams %R | -89.041 | ขายมากเกินไป |
| CCI(14) | -163.4675 | ขาย |
| ATR(14) | 0.0023 | ผันผวนน้อยลง |
| Highs/Lows(14) | -0.0021 | ขาย |
| Ultimate Oscillator | 29.712 | ขายมากเกินไป |
| ROC | -0.504 | ขาย |
| Bull/Bear Power(13) | -0.0028 | ขาย |
|
ซื้อ:0 ขาย:7 ถือหุ้นไว้:1 สรุป:ขายทันที |
||
