เศรษฐกิจอังกฤษยังคงเผชิญภาวะเงินเฟ้อสูงอย่างต่อเนื่อง

ตัวเลขชี้วัดเศรษฐกิจในอังกฤษล่าสุดคึกคักที่สุดในรอบปี ในขณะที่ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น ส่งสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังจากที่มีการคาดการณ์ว่าอังกฤษอาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย

โดยผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคอังกฤษในอีก 12 เดือนข้างหน้าจาก GfK แม้ว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่ล่าสุดได้แตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว แม้ว่าค่าครองชีพจะสูงขึ้น โดยผู้บริโภคมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นเกี่ยวกับการเงินและภาวะเศรษฐกิจในวงกว้าง 

นอกจากนี้ ผลสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแบบรวมภาคการผลิตและภาคบริการ (Composite PMI) จาก S&P Global/CIPS ของสหราชอาณาจักรแสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อในต้นทุนการผลิตเร่งขึ้นช้าที่สุดในรอบกว่าสองปี โดยได้รับแรงหนุนจากภาคบริการในการใช้จ่ายของผู้บริโภคในด้านการเดินทาง การพักผ่อน และความบันเทิง ในขณะที่ภาคการผลิตยังคงอ่อนแอ

ทางด้านอัตราเงินเฟ้ออาหารสดในอังกฤษปรับตัวลดลงในเดือนเมษายน มาอยู่ที่ 17.3% ในช่วงสี่สัปดาห์จนถึงวันที่ 16 เมษายน แต่ยังคงใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 17.5% ในเดือนมีนาคม และมีแนวโน้มอาจดีดตัวกลับขึ้นสูงได้อีก

โดยอัตราเงินเฟ้อราคาผู้บริโภคโดยรวมลดลงเหลือ 10.1% ในเดือนมีนาคม ใขณะที่ราคาอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในเดือนมีนาคมเพิ่มสูงขึ้น 19.1% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2520 โดย British Retail Consortium ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ของอังกฤษคาดว่าราคาอาหารสำหรับผู้บริโภคจะเริ่มลดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อโดยรวมจะลดลงต่ำกว่า 4% ภายในสิ้นปีนี้ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว BoE คาดว่าจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจเล็กน้อยในไตรมาสที่สองของปี 2566 แม้ว่าจะยังคงคาดการณ์ว่าจะมีการหดตัวในไตรมาสแรกของปีนี้ 

นักวิเคราะห์จึงยังคงคาดว่าธนาคารแห่งประเทศอังกฤษจะยังคงเพิ่มต้นทุนการกู้ยืมในการประชุมเป็นครั้งที่ 12 ติดต่อกันในเดือนพฤษภาคมนี้ แม้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรอาจหดตัว 0.3% ในปี 2566 ซึ่งเป็นผลกระทบที่รุนแรงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แต่ยังคงหดตัวรุนแรงที่สุดในบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก 

อย่างไรก็ดี จากการสนับสนุนค่าใช้จ่ายพลังงานในครัวเรือนและภาคธุรกิจจากรัฐบาล ได้ส่งผลให้การขาดดุลงบประมาณของสหราชอาณาจักรสำหรับปีการเงิน 2022/23 พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นอันดับสี่ ซึ่งสำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) รายงานว่ามีการกู้ยืมจำนวน 139.2 พันล้านปอนด์ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม หรือคิดเป็น 5.5% ของ GDP เพิ่มขึ้นจาก 121.1 พันล้านปอนด์ในปี 2021/22 หรือ 5.2% ของ GDP 

ทางด้านคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันอังคาร จากการคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 25 จุดในการประชุมกำหนดนโยบายในสัปดาห์หน้า และอาจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้จากสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในขณะที่ภาคการเงินการธนาคารยังคงเปราะบาง 

ทั้งนี้ เงินปอนด์อาจมีแนวโน้มแข็งค่ากว่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้ จากราคาอาหารที่สูงและความเป็นไปได้ที่  BoE จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกในสัปดาห์หน้า หากข้อมูล GDP ไตรมาสแรกของสหรัฐฯที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวลงทางเศรษฐกิจ และดัชนีราคา PCE ที่จะเผยแพร่ในวันศุกร์ลดลงหรือเป็นไปตามตัวเลขคาดการณ์

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD GBP/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.2465, 1.2478, 1.2498

แนวรับสำคัญ : 1.2425, 1.2412, 1.2392

5H Outlook

ที่มา: Investing.com 

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.2417 - 1.2425 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.2425 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2465 และ SL ที่ประมาณ 1.2413 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2465 - 1.2473 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2488 และ SL ที่ประมาณ 1.2420 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2465 - 1.2473 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.2465 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2418 และ SL ที่ประมาณ 1.2477 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.2417 - 1.2425 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2400 และ SL ที่ประมาณ 1.2470 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Apr 25, 2023 07:06PM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2