เศรษฐกิจจีนยังย่ำแย่เพราะเจอกับปัจจัยลบ

เมื่อไม่กี่วันที่ผานมาหยวนได้อ่อนค่าลงเล็กน้อย เนื่องจากมีการประกาศกำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนตั้งแต่ต้นปีลดลง 21.4% ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเผยว่ากำไรภาคอุตสาหกรรมลดลงมากกว่าที่คาดถึง 12% และเมื่อเทียบกับปีที่แล้วเพิ่มขึ้นถึงเพิ่มขึ้น 8.5% ในช่วงไตรมาสเดียวกัน ซึ่งนี่ถือเป็นการลดลงที่ร้ายแรงมากที่สุดนับตั้งแต่กลางปี 2020 ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด 19

การเปิดเผยตัวเลขเมื่ออังคารที่ผ่านมา บอกได้ว่ากิจกรรมการผลิตของจีนซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัววัดเศรษฐกิจยังคงดำเนินต่อไปได้แม้ว่าจะต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิด อุปสงค์ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ซบเซาเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับภาคส่วนนี้ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของจีน

แม้ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัว 3.9% ในเดือนมีนาคม ที่ได้ข้อมูลแสดงเมื่อต้นเดือนนี้ แต่ตัวเลขต่ำกว่าประมาณการเล็กน้อยสำหรับการเติบโตที่ 4% ซึ่งพลาดการคาดการณ์ของตลาดเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน

ความอ่อนแอในภาคอุตสาหกรรมยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่ไม่สม่ำเสมอของเศรษฐกิจจีนในปีนี้ แม้ว่าความต้องการด้านบริการและการเดินทางจะดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากการยกเลิกล็อกดาวน์เรื่องโควิด 19 แต่การฟื้นตัวของภาคการผลิตยังคงชะลอตัวเป็นส่วนใหญ่

ทั้งนี้ เศรษฐกิจของจีนก็ขยายตัวมากกว่าที่คาดไว้ 4.5% ในช่วงไตรมาสแรกของปี โดยได้รับแรงหนุนส่วนใหญ่จากการฟื้นตัวของการบริโภค แต่นักวิเคราะห์ยังสงสัยว่าจะรักษาโมเมนตัมนี้ไว้ได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ภาคการผลิตกำลังดิ้นรนอย่างมากเพื่อฟื้นตัว

ถึงอย่างนั้น นักวิเคราะห์บางคนคาดว่า ภาคการส่งออกของจีนจะยังคงย่ำแย่ เมื่อดูจากการคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ซึ่งความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนในเดือนเม.ย. 

นายคูน โก๊ะ หัวหน้าฝ่ายวิจัยเอเชียจากเอเอ็นแซดกล่าวว่า "ขณะที่แรงหนุนส่งการฟื้นตัวของจีนดีในปีนี้ แต่การฟื้นตัวถูกขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวภายในประเทศมากกว่าการส่งออก" และเขาไม่แน่ใจว่า อุปสงค์สินค้าจีนในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นในเร็วๆนี้หรือไม่ แม้รัฐบาลมีแผนสนับสนุนก็ตาม และเขาคาดว่า ปัจจัยดังกล่าวจะสกัดการแข็งค่าของหยวน

ทางด้าน เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีแนวโน้มว่าอาจเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสแรก ในขณะที่ยอดสั่งซื้อคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนมี.ค. และยอดสั่งซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าทะยานขึ้น 0.8% 

ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรขยับขึ้น 0.1% ในเดือนมี.ค. ส่วนยอดสั่งซื้อโลหะขยับขึ้น 0.1% เช่นกัน ทางด้านยอดสั่งซื้อสินค้าพื้นฐานที่รอส่งสินค้ายังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง และสิ่งนี้บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจอาจจะได้รับแรงหนุนน้อยลงจากปัจจัยนี้ในอนาคต

นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า รายจ่ายด้านอุปกรณ์ในภาคธุรกิจอาจปรับลดลงเล็กน้อยในไตรมาสแรก หลังจากดิ่งลงในไตรมาสที่ 4 ของปี 2022 ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกในวันนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า จีดีพีอาจเติบโต 2.0% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualized) หลังจากเติบโต 2.6% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2022

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)

แนวต้านสำคัญ: 6.9275, 6.9328, 6.9410

แนวรับสำคัญ: 6.9140, 6.9058, 6.9005

ที่มา: Investing.com