เศรษฐกิจออสเตรเลียยังคงเผชิญกับแรงกดดันด้านราคา

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 11 มาอยู่ที่ 3.85% ธนาคารกลางของออสเตรเลีย (RBA) ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงต่ออัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น แม้ผลผลิตภายในประเทศยังคงเติบโตต่ำ ท่ามกลางราคาพลังงาน และค่าเช่าหรือค่าที่พักอาศัยที่พุ่งสูงขึ้น อันเนื่องมาจากการเติบโตของจำนวนประชากรที่เกินความคาดหมาย

RBA เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อได้อยู่ในจุดสูงสุดเมื่อปลายปีที่แล้วที่ 7.8% และคาดว่าอัตราจะสามารถลดลงไปสู่กรอบเป้าหมายที่ 2-3% ได้ภายในกลางปี 2568 ซึ่งถือว่าเป็นการชะลอตัวลงของราคาที่ช้ากว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ ซ้ำยังมีความเสี่ยงขาขึ้นอยู่อีกมาก

อย่างไรก็ตาม RBA มองว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะชะลอตัวลงเหลือประมาณ 4.0% ภายในสิ้นปีนี้ จากอัตราปัจจุบันที่อยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 30 ปีที่ 6.6% และเป็น 2.9% ภายในกลางปี 2568 โดยอัตราเงินเฟ้อของค่าเช่าหรือที่พักอาศัยยังคงอยู่ในระดับอันตรายจากการโยกย้ายถิ่นฐานที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อการปรับขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ในขณะที่ราคาพลังงานและไฟฟ้าที่สูงขึ้นจะเพิ่มอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ รวมถึงมีความเสี่ยงที่บริษัทต่างๆ จะเลือกขยายอัตรากำไรแทนที่จะลดราคาเมื่อต้นทุนลดลง

การเติบโตของค่าจ้างประจำปีคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 4.0% ณ สิ้นปีนี้ เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 4.2% ก่อนจะลดลงกลับมาที่ 3.7% ภายในกลางปี 2568 ในขณะที่อัตราการว่างงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.5% ภายในกลางปี 2568 จากปัจจุบันที่ 3.5% ซึ่งการคาดการณ์ทั้งหมดนี้อิงตามสมมติฐานที่อัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ประมาณ 3.75% ในช่วงกลางปี 2566 ก่อนที่จะกลับมาผ่อนคลายลงเหลือที่ประมาณ 3% ในเดือนมิถุนายน 2568

ทางด้านรัฐบาลออสเตรเลียคาดว่าจะออกงบประมาณอีกประมาณ 14.6 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (9.84 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงสี่ปีของงบประมาณรัฐบาลกลางเพื่อลดแรงกดดันด้านราคาและเงินเฟ้อสำหรับครัวเรือนและธุรกิจ โดยจะพยายามจำกัดการใช้จ่ายเพื่อไม่ให้เป็นการกระตุ้นแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมากเกินไป ซึ่งการขาดดุลงบประมาณของออสเตรเลียคาดว่าจะลดลงอย่างรวดเร็วจากภาษีส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ แม้จะยังคงมีแนวโน้มขาดดุลอยู่อีกในอนาคต

ในขณะเดียวกัน การส่งออกของออสเตรเลียไปยังจีนพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมีนาคม จากการส่งออกก้อนแร่เหล็กและแร่เหล็กละเอียดไปยังจีนที่มากขึ้น ส่งผลให้การส่งออกโดยรวมไปยังจีนมีมูลค่าสูงถึง 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (1.271 หมื่นล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 31% จากปีก่อนหน้า ยกระดับเกินดุลการค้าทั้งหมดของออสเตรเลียขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นอันดับสองในประวัติการณ์ที่ 1.53 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย

ทางด้านขาลงของคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯยังถูกจำกัด หลังจากร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้วจากธนาคารกลางสหรัฐฯที่ส่งสัญญาณสิ้นสุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยในช่วงต้นเดือนนี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯและข้อมูลสินเชื่อของสถาบันการเงินในสัปดาห์หน้า

โดยจาก CME FedWatch ฟิวเจอร์สอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯถูกคาดการณ์ประมาณ 30% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม แม้ว่าข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯจะยังคงแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้สหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นอาจช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์จากความต้องการสภาพคล่องหรือ Safe haven ได้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD AUD/USD

แนวต้านสำคัญ : 0.6753, 0.6756, 0.6760

แนวรับสำคัญ : 0.6745, 0.6742, 0.6738      

5H Outlook

1H Outlook                        

ที่มา: Investing.com               

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 0.6740 - 0.6745 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 0.6745 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6753 และ SL ที่ประมาณ 0.6737 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 0.6753 - 0.6758 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6760 และ SL ที่ประมาณ 0.6720 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 0.6753 - 0.6758 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 0.6753 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6764 และ SL ที่ประมาณ 0.6740 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 0.6740 - 0.6745 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6731 และ SL ที่ประมาณ 0.6756 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points May 08, 2023 10:34AM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2