ปีใหม่ภายใต้ปัจจัยความเสี่ยงเดิม
ดัชนี S&P 500 สามารถวิ่งขึ้นทำราคาปิดที่จุดสูงสุดตลอดกาลได้เมื่อวันพฤหัสบดีของสัปดาห์สุดท้ายแห่งปี 2020 ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่สองที่อนุมัติโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก่อนขึ้นปีใหม่ นอกจาก S&P 500 แล้ว ข่าวดีดังกล่าวยังช่วยให้ดัชนีหลักอื่นๆ อย่างดาวโจนส์ แนสแด็ก และรัสเซล 2000 ปรับตัวขึ้นตามด้วยเช่นกัน
ถึงสัปดาห์นี้จะมีโอกาสที่ความผันผวนจะเกิดขึ้น แต่ส่วนตัวแล้วเราเชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังคงสามารถรักษาขาขึ้นเอาไว้ได้ ยิ่งถ้าวัคซีนที่ออกมาแล้วสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ว่าคือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อย่างแท้จริง เราจะได้เห็นภาพการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแน่นอน แต่คำถามสำคัญที่ไม่มีใครตอบได้จนถึงตอนนี้ก็คือ “เมื่อไหร่?”
เทียบกับการสันนิษฐานแล้ว การปักใจเชื่อของนักลงทุนในตลาดกับข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงแล้วทำได้ง่ายกว่า นิวยอร์กตอนนี้กลายเป็นรัฐที่สี่ที่มียอดผู้ติดเชื้อโควิดเกิน 1 ล้านคนแล้ว ส่วนยอดผู้ติดเชื้อทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาล่าสุดมีตัวเลขอยู่ที่ 20,400,000 คน มีผู้เสียชีวิตรวมแล้วทั้งสิ้น 350,000 ราย ที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นคือการแจกจ่ายวัคซีนในสหรัฐฯ ไม่เป็นระบบชัดเจน ทำให้ความหวังที่ประเทศจะสามารถฟื้นตัวจากโควิดได้อาจจะต้องล่าช้าไปมากกว่าที่คาดการณ์อีกในปีนี้ ถึงอย่างไรก็ตามนิตยสาร Wall Street Journal ก็ยังยกให้ปีที่แล้วคือหนึ่งในขาขึ้นที่ดีที่สุดของดัชนีหลักๆ
“ดัชนีหลักทั้งสามของสหรัฐฯ สามารถปิดปี 2020 บนขาขึ้นสูงสุดตลอดกาลได้ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นตลอดทั้งปี 7.2% เอสแอนด์พีกระโดดขึ้น 16% รัสเซล 2000 18% และแนสแด็กทะยานขึ้น 44%”
นอกจากสถานการณการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่น่าจะเป็นธีมหลักอีกหนึ่งธีมสำหรับปีนี้คือสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนภายใต้การบริหารของผู้นำคนใหม่ โจ ไบเดน ที่จะขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคมหรืออีกสองสัปดาห์ข้างหน้า
ในวันสุดท้ายของการลงทุนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีได้ปรับตัวลดลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน ถึงกระนั้นสถานการณ์ก็ยังไม่น่าเป็นห่วงมากนักตราบใดที่การปรับฐานรูปธงยังเกิดขึ้นในกรอบราคาขาขึ้น