สรุป ราคาทองคําวันศุกร์ที่ผ่านมาดิ่งลงอย่างหนักโดยปิดปรับตัวลดลง -4% หรือ 65.7 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปรับตัวลดลงในรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว พร้อมกับปรับตัว ลดลงมากถึง 130 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับสูงสุดในระหว่างสัปดาห์บริเวณ 1,959 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับตําสุดในวันศุกร์
ทั้งนี้ทองคําได้รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างๆอาทิ
(1.) แรงขาย ทางเทคนิค หลังจากราคาหลุดบริเวณ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งเป็นแนวรับทางจิตวิทยา หลุดเส้นค่าเฉลีย 100 วัน หลุดกรอบแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น และหลุดลงมาเคลือนไหวในกรอบ Sideway Down ในระยะกลางอีกครั้ง นันส่งผลให้เกิดแรงขายทางเทคนิค(Sell Stop) เพิมเติม
(2.) การแข็งค่าของดอลลาร์ หลังการเปิดเผยว่าอัตราการว่างงานสหรัฐทรงตัวที่ระดับ 6.7% ใน เดือนธ.ค. ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชัวโมงโดยเฉลียของแรงงานเพิมขึ้นเกินคาดที 0.8% เมือเทียบกับปีที่แล้ว แม้การจ้างงานนอกภาคเกษตรจะลดลง 140,000 ตําแหน่งในเดือนธ.ค.ก็ตาม
(3.) แรงขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1.1% ในวันศุกร์ จนกดดันทองคําในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทน ในรูปแบบดอกเบี้ย และ
(4.) การทะยานขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐจากการคาดการณ์ว่ารัฐบาลของนายไบเดนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังและการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มขึ้น ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ราคาทองคําดิ่งลงแตะระดับตํ่าสุดบริเวณ 1,828.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคําไม่เปลี่ยนแปลง
ขณะที่เช้านี้ราคาทองปรับตัวต่อ ทําระดับตํ่าสุดใหม่บริเวณ 1,817 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สําหรับวันนี้ไม่มีกําหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ