สรุป ราคาทองคําวานนี้ปิดปรับตัวเพิมขึ้น 1.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ ราคาทองคําฟื้นตัวจากระดับตํ่าสุดที่ลงไปทดสอบในระหว่างวันบริเวณ 1,831.16 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุน จาก 2 ประเด็น ได้แก่
(1.) การเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่พุ่งขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 965,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ส.ค. สะท้อนว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงเปราะบาง
(2.) ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่ระบุชัดว่า เฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ (no time soon) และย้ำว่า ยังเร็วเกินไปที่จะหารือเกียวกับการลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตร(QE tapering) ในระยะเวลาอันใกล้นี้
สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงจนเป็นปัจจัยหนุนทองคํา อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของราคาทองคํายังอยู่ในกรอบจํากัด เพราะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ยังคงเคลือนไหวเหนือ 1.10% ต่อเนื่องขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชือว่า "American Rescue Plan" ซึ่งนายโจ ไบเดนว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยวานนี้ โดยมาตรการดังกล่าวมีวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึงเป็นปัจจัยกดดันทองคําในฐานะสินทรัพย์ทีไม่ได้ให้ ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย นอกจากนี้การปรับตัวขึ้นของราคาทองคํายังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากกองทุน SPDR ที่ถือครองทองคําลดลง -10.21 ตันอีกด้วย สําหรับวันนี้ ติดตามการ เปิ ดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ อาทิ ยอดค้าปลีก, ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม(Empire State Index), ดัชนีราคาผู้บริโภค (PPI), อัตราการใช้กําลังการผลิต, การผลิตภาคอุตสาหกรรม, สต็อกสินค้า คงคลังภาคธุรกิจและคาดการณ์ความเชื่อมันผู้บริโภค จาก UoM
หากราคาทองคําทดสอบแนวต้านที 1,864-1,874 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้ายังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนัก ลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทํากําไรเนืองจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคํามีการปรับตัวขึ้น ยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที 1,833-1,818 ประเมินว่าเป็นการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง
คําแนะนํา ยังมีลุ้นที่ราคาอาจไปทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,864-1,874 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืนไม่ได้อาจ เกิดแรงขายทํากําไรระยะสั้นออกมา เมือราคาทองคําอ่อน ตัวลงจะมีแนวรับบริเวณ 1,833-1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์