ยักษ์ใหญ่มหาอำนาจก็ไม่รอด!! เงินหยวนจีนอ่อนค่าต่อเนื่อง ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 14 ปี ท่ามกลางความผันผวนของทั่วโลก และการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ธนาคารกลางจีนต้องออกมาลงดาบ เพื่อฉุดการอ่อนค่าครั้งนี้!
บทบาทของธนาคารกลาง
ธนาคารกลาง คือ สถาบันทางการเงิน ซึ่งมีหน้าที่ดูแลสเถียรภาพทางการเงินในประเทศนั้น ๆ ด้วยการออกนโยบายเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ย และการดำเนินการผ่านตลาดการเงิน เพื่อคงปริมาณและควบคุมการลงทุนให้เหมาะสมตามวัฏจักรเศรษฐกิจต่าง ๆ นับเป็นบทบาทสำคัญสำหรับระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศนั้น ๆ
ธนาคารกลางจีน กับการอ่อนค่าของเงินหยวน
ธนาคารกลางจีน หรือธนาคารประชาชนจีน (The People's Bank of China: PBOC) สั่งดำเนินนโยบายเพื่อเพิ่มเสถียรภาพของค่าเงินหยวนในระยะยาว ด้วยการสำรองความเสี่ยงตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ (Forex) ถึง 20% จากก่อนหน้านี้ที่ 0% โดยมีผลบังคับใช้วันนี้ (28 กันยายน 2565)
นโยบายดังกล่าวที่ PBOC นำมาใช้นี้ ไม่ใช่ครั้งแรก แต่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ในช่วงที่ค่าเงินหยวนเกิดความผันผวนหนัก เพื่อลดการเก็งกำไรของนักลงทุนในตลาดค่าเงิน และลดความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนกับเงินตราต่างประเทศ
นักเศรษฐศาสตร์ มองการสำรองความเสี่ยงของ PBOC ว่า จะทำให้ต้นทุนการซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการซื้อขายในตลาดจะลดลง นับเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพเงินหยวนของจีนไม่ให้อ่อนค่าหนัก ซึ่งการเคลื่อนไหวของ PBOC ครั้งนี้ ถูกมองว่า เป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งในการรักษาเสถียรภาพค่าเงิน เนื่องจากเงินหยวนมีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นทันที หลังจากการประกาศของ PBOC
ปัจจุบัน (28 กันยายน 2565) เงินหยวนมีมูลค่าอยู่ที่ 7.23 หยวน/ดอลลาร์ อ่อนค่าหนักสุดในรอบ 14 ปี แต่อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่า การอ่อนค่านี้จะคงอยู่ในระยะสั้นเท่านั้น สำหรับระยะยาว เงินหยวนก็ยังคงเป็นสกุลเงินที่ถูกใช้งานมากที่สุด อันดับ 5 ของโลกอยู่ดี
การสำรองเงินตราต่างประเทศในอดีต
PBOC เคยดำเนินมาตรการในลักษณะนี้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2550 โดยมีการปรับการสำรองเงินตราต่างประเทศขึ้นมา 7% จากเดิม 5% อีกทั้งยังเคยเพิ่มสัดส่วนการสำรองเงินตราต่างประเทศมาแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2548 - 2550 ซึ่งจะเห็นได้ว่า มาตรการดังกล่าวมักจะใช้ในระยะสั้นเท่านั้น อีกทั้ง ห้องการค้ากสิกรไทยยังประเมินว่า มาตรการนี้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแนวโน้มค่าเงินหยวนในระยะต่อไป เพราะจะกระทบต่อความเชื่อมั่นในการถือครองเงินหยวน
กล่าวโดยสรุป การลงดาบของ PBOC นี้ ก็เป็นการทำให้เงินหยวนแข็งค่ามากขึ้น เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากค่าเงินที่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวอาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับการปรับเสถียรภาพค่าเงินหยวน เนื่องจากก่อนหน้านี้ PBOC ได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ ร่วมด้วยมาก่อน แต่ค่าเงินหยวนก็ยังอ่อนค่าต่อเนื่อง และเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดของวัน ดังนั้น PBOC อาจจะมีการดำเนินมาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติมได้
ดังนั้น นักลงทุนที่เทรดค่าเงินหยวน อาจพิจารณาหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงนี้ เพื่อลดการขาดทุนที่เกิดจากความผันผวนครับ และอย่าลืมใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงก่อนเปิดสถานะ เพื่อให้การเทรดมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยครับ
Source: Chinadaily, Marketwatch, KBank
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: Blog
บทวิเคราะห์เชิงเทคนิคขั้นสูง: Technical Analysis