Fibonacci หรือ “สัดส่วนทองคำ” มีความเกี่ยวข้องกับตลาดการลงทุนมาอย่างยาวนาน และเป็นอินดิเคเตอร์ที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากในทุก ๆ ตลาดการลงทุน โดยเฉพาะกับตลาด Forex ซึ่ง Fibonacci สามารถที่จะบอกจุดกลับตัวของราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการนำทฤษฎีตัวเลขทองคำมาปรับใช้กับกราฟ วันนี้ Fxtoday จะพามารู้จักกับ Fibonacci Retracement ว่าคืออะไร? มีวิธีการใช้งานที่ถูกต้องอย่างไร? และสามารถนำไปเทรดในตลาด Forex ได้อย่างไรบ้าง

Fibonacci Retracement คืออะไร?

Fibonacci เป็นเครื่องมือที่ถูกคิดค้นขึ้นโดย Leonardo Fibonacci นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี ที่ใช้ในการหาจุดกลับตัวของราคา ด้วยการนำตัวเลข “สัดส่วนทองคำ” มาใช้กับร่วมกับการเคลื่อนที่ของราคา ทำให้เกิดเป็นจุดที่มีนัยสำคัญตามระดับตัวเลขตั้งแต่ 0-1 โดยแต่ละจุดจะกลายมาเป็นแนวรับ-แนวต้าน

วิธีการใช้ Fibonacci Retracement อย่างถูกวิธี

ในการใช้ Fibonacci Retracement อย่างถูกต้อง จำเป็นจะต้องโฟกัสไปที่แนวโน้มของราคา หากราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นให้ลากจากบนลงล่าง และโฟกัสที่แนวรับ แต่หากว่าราคาอยู่ในแนวโน้มขาลงให้ลากจากล่างขึ้นบน และโฟกัสที่แนวต้าน แล้วต้องลากจากจุดไหนไปจุดไหนล่ะ? การลากจำเป็นต้องลากจากจุดที่สูงสุดหรือต่ำสุดไปหาอีกจุดที่สูงสุดหรือต่ำสุด โดยสามารถที่จะลากจากช่วงอดีตจนถึงปัจจุบัน หรือลากแค่ในช่วงปัจจุบันก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะลากแค่ในช่วงราคาปัจจุบัน หากการลากยิ่งมีความยาวมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องรอราคามาถึงจุดนัยสำคัญนานขึ้นเท่านั้น ดังนั้น การลากจะสั้นจะยาวก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการเทรดของเทรดเดอร์นั่นเอง 

จากตัวอย่างกราฟ XAU/USD TF 1h จะสังเกตได้ว่า กราฟอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น การลาก Fibonacci Retracement จากจุด High ปัจจุบัน ลงไปสู่จุด Low ในปัจจุบัน (ในกรณีนี้จะเป็นการลากแค่ช่วงสั้น ๆ โดยจะเหมาะกับ Day Trader หรือเทรดเดอร์ที่เทรดวันต่อวัน หากใครที่เป็น Swing Trader สามารถที่จะลากไกลกว่านี้ได้) แต่ถ้าหากคิดว่ากราฟกำลังจะกลับตัวเป็นขาลง สามารถที่จะลากเหมือนแนวโน้มขาลงได้เช่นกัน

การเทรดด้วย Fibonacci Retracement 

จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า แต่ละจุดจะกลายเป็นจุดที่มีนัยสำคัญในตัว เนื่องจากว่าระดับของ Fibonacci แต่ละระดับนั้น โดยตัวเลข 1, 0.786, 0.618, 0.5, 0.382, 0.236 และ 0 จะมีความสัมพันธ์กับแนวรับ-แนวต้านอยู่ ดังนั้น วิธีการเทรดด้วย Fibonacci Retracement จะเป็นการโฟกัสไปที่จุดแนวรับ-แนวต้าน ตามระดับตัวเลข Fibonacci ซึ่งสามารถที่จะวัดได้ว่า ที่ระดับไหนจะมีความเป็นจุดกลับตัวมากที่สุด จากการลองตีแนวรับ-แนวต้านตามระดับ หากระดับไหนมีการตีกลับของราคาบ่อยที่สุด หรือว่าราคาปัจจุบันมีการพักตัวอยู่ที่ระดับนั้น ๆ แสดงว่าที่ระดับนั้นเป็นแนวรับ-แนวต้านที่แข็งแกร่งและมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นจุดกลับตัวมากที่สุด 

ตัวอย่างการเทรดด้วย Fibonacci Retracement

จากตัวอย่างกราฟ XAU/USD TF 1h หลังจากที่ราคาได้มีการร่วงลง ราคาได้เกิดการพักตัวในบริเวณดังกล่าว และจากการที่กราฟเป็นแนวโน้มขาขึ้น ให้ทำการลาก Fibonacci Retracement จากจุด High ปัจจุบันไปจนถึงจุดที่ราคามีการพักตัวตามตัวอย่าง และตีกรอบแนวรับที่ Fibonacci ที่ระดับ 0 เพื่อใช้ยืนยันการกลับตัว และการเกิด Breakout

ครั้งนี้ราคาเกิดการฟื้นตัวขึ้นจากแนวรับ และเกิดแท่งเทียน Bullish Engulfing ในแนวรับ ซึ่งเป็นสัญญาณการยืนยันการกลับตัวที่ดี แต่ยังไม่แนะนำให้เข้า Buy ทันที เนื่องจากว่าราคาอาจจะมีการกลับตัวลงต่อได้ ดังนั้น จึงต้องมีสัญญาณที่ใช้ยืนยันการกลับตัว คือ ต้องรอให้ราคาเกิดการ Re-Test ที่บริเวณแนวรับอีกครั้ง หากราคาไม่สามารถที่จะเบรกลงไปได้ มีโอกาสที่ระดับ Fibonacci ที่ระดับ 0 จะกลายเป็นจุดกลับตัวที่แท้จริง

จากรูป ราคาได้ลงมา Re-Test ที่แนวรับ และได้เกิดการ Rejection ในบริเวณดังกล่าว นั่นแสดงว่าราคากำลังจะกลับตัวเป็นขาขึ้้น ซึ่งในจุดนี้สามารถที่จะใช้เป็นจุดเข้า Buy ได้ ซึ่งจะสังเกตได้ว่า หลังจากที่ราคาได้ Re-Test และเกิด Rejection ราคาพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การประยุกต์ใช้ Fibonacci Retracement กับอินดิเคเตอร์อื่น

ในการนำ Fibonacci Retracement ไปใช้กับอินดิเคเตอร์อื่น สามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย  เนื่องจากว่า Fibonacci เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการหาจุดกลับตัว ดังนั้น จำเป็นจะต้องมีการนำเครื่องมือหรืออินดิเคเตอร์อื่น ๆ มาช่วยในการยืนยันจุดกลับตัวนั้น ๆ ด้วย อย่างเช่น การนำเครื่องมือประเภท Vloume เข้ามาช่วยในการดูความแข็งแกร่งของ Fibonacci ที่ระดับต่าง ๆ

จากตัวอย่างกราฟ XAU/USD TF 1h จะสังเกตได้ว่าราคาในบริเวณระดับ Fibonacci ที่ 0.236 ที่ราคาได้มีการกลับตัวนั้น มีเหตุผลของ Vloume ที่มีปริมาณการซื้อที่มากในบริเวณนั้น เข้ามาช่วยหนุนปัจจัยในการกลับตัวของราคาที่ระดับ Fibonacci ที่ระดับ 0.236  

สรุป

Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการหาจุดกลับตัวที่มีประสิทธิภาพมาก ๆ ตัวหนึ่ง ที่สามารถใช้ได้กับทุกสภาวะตลาด สามารถที่จะนำไปใช้กับเครื่องมือ อินดิเคเตอร์ หรือเทคนิคอื่น ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม ข้อจำกัดน้อย อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ควรที่จะศึกษาเทคนิคให้เข้าใจก่อนที่จะเริ่มลงทุน เนื่องจากว่าการลงทุนใน Forex มีความเสี่ยงที่สูงอย่างมาก การเริ่มลงทุนในความรู้ จะเป็นการป้องกันความเสี่ยงในระยะยาวของเทรดเดอร์เอง  

Source: Thaiforexreview, Lucid-trader