หลายๆคนที่เข้ามาเทรด forex กันนั้นในช่วงแรกๆ เราก็มักจะใช้ไทม์เฟรมเล็กๆเช่น 15 นาที 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมงเพื่อทำการเทรด โดยเหตุผลส่วนตัวแล้วที่ผมชอบในเพราะกราฟมันวิ่งไว และดูมีช่วงจังหวะที่น่าเข้าเทรดมากมาย สิ่งที่ผมทำก็คือการเฝ้ากราฟอย่างใจจดใจจ่อทั้งวันเพื่อหาจังหวะดีๆ หรือทำการ stop loss หากกราฟวิ่งผิดทาง ซึ่งเสียเวลาหลายชั่วโมง จนวันนึงผมลองปรับไปใช้ไทม์เฟรมที่ใหญ่ขึ้น จึงทำให้ผมเข้าใจว่าจริงๆแล้วเราไม่ต้องเฝ้ากราฟทั้งวันเลย เพียงแค่ใช่ไทมเฟรมที่ใหญ่ขึ้นคือ ไทม์เฟรมเดย์ สิ่งที่ผมทำก็เพียงแค่การทำการบ้านล่วงหน้า จากนั้นก็เปิดโปรแกรมและตั้งคำสั่งซื้อขายเอาไว้ จากนั้นก็เพียงแค่เช็คกราฟวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละไม่กี่นาทีก็เพียงพอแล้ว ซึ่งสิง่ที่ได้กลับมาคือผมมีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้น และไม่กังวลกับความผันผวนในตลาด เพราะในไทม์เฟรมเดย์นั้น ความผันผวนในตลาดนั้น ส่งผลเล็กน้อยมากๆ

- เป็น Time frame ที่เทรดง่าย ดีกว่าเพราะ 

- มีเวลาการวิเคราะห์เยอะ

- ไม่มีถูกอารมณ์ดึงไปจากการแกว่งตัวระหว่างวัน

- เป็นภาพที่สะท้อนพฤติกรรมของราคาที่ Make sense ที่สุด

- โดยค่าธรรมเนียมน้อยกว่าการเทรดในภาพสั้น จำพวกราย 5 นาที หรือ 10 นาที

- ใช้เวลาในการเฝ้าจอน้อย มีเวลาไปวางแผน สร้างกลยุทธ์เทรดต่างๆมากมาย

ซึ่งข้อดีต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำให้เทรดเดอร์เทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังบริหารเวลาในการใช้ชีวิตได้ดีอีกด้วย อันนี้เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับอาชีพเทรดเดอร์ ตลาด Forex เปิด 24 ชั่วโมง เราไม่มีทางเฝ้าจอได้ตลอดได้ทั้งวันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นเลยที่ต้องไปทำอย่างนั้น เสียทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

เทรดเดอร์มือใหม่มักจะพยายามลงไปเทรด Time frame เล็ก อย่าง 5 นาที หรือ 10 นาที คิดว่าการเทรดบ่อยๆจะสร้างกำไรให้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด … ยิ่งย่อย Time frame ลงไป กรอบการแกว่งตัวก็จะลดลง ช่วงให้เราเก็บกำไรก็จะน้อยลงตามเช่นกัน ซึ่งถ้าหากเราไม่ใช่เซียนหรือมืออาชีพในวงการเทรดแล้ว การใช้ไทม์เฟรมเล็กๆหรือการเทรดสั้น นั้นก็จะทำให้เราต้องปวดหัวอย่างแน่นอน เพราะยิ่งไทม์เฟรมเล็กมาเท่าไหร่ เรายิ่งต้องเจอกับความผันผวนที่สูงมากแรงซื้อหรือแรงกระชากเพียงเล็กน้อยก็อาจจะส่งผลให้เราต้องขาดทุนได้ นี่ยังไม่รวมถึงอารฒณ์ของผู้เทรดเองที่ต้องเจอกับสภาพตลาดยิ่งส่งผลให้ ประสิทธภาพในการเทรดนั้นก็จะลดลง