การเทรด หรือการซื้อขายทั้งในตลาดหุ้น และตลาด Forex ล้วนแต่ต้องอาศัยกลยุทธ์ต่าง ๆ ในการเทรดทั้งสิ้น เพราะถ้าหากปราศจากกลยุทธ์เหล่านี้ คุณก็จะเทรดแบบสะเปะสะปะ ไม่มีการวางแผนใด ๆ และอาจจะทำให้คุณขาดทุนได้ง่าย ๆ ในวันนี้ เราจึงจะมาพูดถึงกลยุทธ์การเทรดที่มีในตลาดหุ้น และตลาด Forex โดยผู้เขียนจะขออธิบายเกี่ยวกับกลยุทธ์ต่าง ๆ แบบพอสังเขปให้ได้เห็นภาพมากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์ที่มีในตลาดหุ้น และตลาด Forex นั้น จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลยุทธ์ที่ใช้เทรดปกติ และกลยุทธ์ที่ใช้ในการแก้การซื้อขายที่ขาดทุน ไปดูกันเลยครับ
กลยุทธ์ที่ใช้เทรดปกติ
1. Scalping
คือ กลยุทธ์การเทรดแบบสั้น ๆ ที่เน้นทำกำไรเร็ว โดยอาจจะมีจุดทำกำไรอยู่ที่ 20-100 จุด ซึ่งคนที่ใช้กลยุทธ์นี้เชื่อว่า การเทรดในช่วงสั้น ๆ แบบนี้มีความปลอดภัย และเห็นผลกำไรทันที แต่ข้อเสียก็คือ ต้องแลกมากับเวลาที่ต้องเฝ้ากราฟมากกว่ากลยุทธ์อื่น ๆ
2. Day trade
คือ การเทรดแบบคาดหวังการทำกำไรแบบวันต่อวัน ไม่ถือออร์เดอร์ข้ามคืน ซึ่งก็จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับ Scalping แต่จะมีช่วงเวลาในการทำกำไรที่มากกว่านั้นเอง
3. Swing trade
คือ การที่คาดหวังการทำกำไรจากทุกการเคลื่อนที่ของกราฟโดยอาจอาศัยรูปแบบคำสั่ง Pending เพื่อรอให้กราฟเคลื่อนที่ไป และเปิดคำสั่ง Buy หรือ Sell โดยคาดหวังการทำกำไรในระยะสั้น ๆ
4. Trend trading
คือ การเทรดโดยการหาแนวการเคลื่อนที่ของกราฟว่า กราฟมีแนวโน้วในการเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด และเราเข้าเทรดตามแนวการเคลื่อนที่ของกราฟ อาจจะเรียกง่าย ๆ ว่า เล่นตามเทรนด์ โดยระยะในการทำกำไรขึ้นอยู่กับรูปแบบของเทรนด์นั้น ๆ ว่า มีระยะมากน้อยเพียงใด โดยคนใช้กลยุทธ์การเทรดแบบนี้ เชื่อว่า การเทรดตามเทรนด์นั้นเป็นการเทรดที่มีความปลอดภัยสูง จนมีคำพูดที่ว่า “เทรนด์ คือ เพื่อนของคุณ” เลยทีเดียว
กลยุทธ์ที่ใช้ในการแก้การซื้อขายที่ขาดทุน
1. Martingale
หากพูดถึงการแก้ไม้ การเทรดแบบ Martingale คงโผล่มาเป็นอันดับแรก เนื่องจากการใช้งานที่ง่ายของกลยุทธ์นี้ ซึ่งอาศัยเพียงแค่เงินทุนจำนวนมาก จนได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักลงทุน การเทรดแบบ Martingale ทำได้เมื่อคุณขาดทุน 1 หน่วย ก็ให้ทำการซื้อขายให้ได้กำไรมากกว่าจำนวนที่ขาดทุน 2 เท่า ยกตัวอย่างเช่น คุณออกออเดอร์ EUR/USD 1 Lot และขาดทุน 100$ ในครั้งต่อไปที่คุณออกออเดอร์ คุณต้องออกออเดอร์ 2 Lot และคาดหวังกำไรให้ได้มากกว่า 100$ เพื่อให้ได้เงินที่คุณเสียไป และได้กำไรอีกบางส่วน
2. Hedging
คือ การป้องกันการขาดทุนโดยสมบูรณ์ เพราะมันคือ การที่คุณ Buy และ Sell ในคู่เงินเดียวกัน และจำนวน Lot ที่เท่ากัน เพื่อป้องกันการล้างพอร์ตในกรณีที่คุณเกิดทำพลาด หรือตลาดมีสภาวะผันผวนอย่างรุนแรง
จากที่กล่าวไปทั้งหมดข้างต้น ก็คือ กลยุทธ์การเทรดแบบต่าง ๆ รวมถึงกลยุทธ์การแก้ไม้เมื่อขาดทุน และในบทความนี้ ผมจะยังไม่ลงรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์ต่าง ๆ เพราะคงมีรายละเอียดที่เยอะมาก โดยผมจะเล่ารายละเอียดต่าง ๆ ไว้ในบทความถัดไป และในส่วนของวันนี้ ก็ต้องขอตัวลาไปก่อน สวัสดีครับ