ในบทความนี้เป็นบทความเกี่ยวกับการเน้นเรื่องของคุณภาพในการเทรด เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการเทรด สาเหตุเนื่องจากเทรดเดอร์มือใหม่ที่เข้ามาในตลาดมักจะให้ความสำคัญกับการต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลาเพื่อที่จะให้ตัวเองนั้นไม่พลาดจังหวะเทรดตอนที่ไม่ได้อยู่หน้าจอ การทำแบบนั้นทำให้เราเสพติดการเทรด และสร้างพฤติกรรมที่ไม่ดีกับการเทรด การเทรดนั้นเป็นเรื่องของศิลปะและศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน ในบทความนี้เราจะมีตีแผ่รายละเอียดของการเทรด และคุณภาพของการเทรดนั้นว่าสำคัญกว่ากันอย่างไร
ที่มา: https://www.inc.com/john-boitnott/why-entrepreneurs-should-focus-on-quality-traffic-over-quantity.html
Focus ที่ความแม่นยำ
ในการเทรดของมือใหม่ เนื่องจากเทรดเดอร์หน้าใหม่ต้องการทำกำไรอย่างรวดเร็วเพื่อให้ตัวเองนั้นรวยเร็ว ในจังหวะที่เข้ามาในตลาดใหม่ ๆ ก็ฝันถึงความสวยงามของกำไรที่จะได้รับ จะปลดแอกหนี้สิน บ้าน หรือ รถยนต์ที่ตนเองมี อยากจะประสบความสำเร็จในชีวิตจากการลงทุนในเงินจำนวนน้อยแต่ได้ผลตอบแทนมาก จริง ๆ แล้ว Forex มันเป็นแบบนั้นซึ่งทำให้หลายคนคิดแบบนี้ตอนที่เข้ามาในตลาดครั้งแรก แต่นั่นก็เป็นหลุ่มพรางของการเทรด ทำให้เทรดเดอร์อยากเทรดจำนวนมาก เพราะว่าต้องรีบรวย แรกเริ่มอาจจะเริ่มจากกราฟรายวัน หลังจากนั้นขยับลงไปเป็น 4 ชั่วโมง 1 ชั่วโมง 5 นาที หรือจนไปเทรดกราฟรายนาทีเลยก็มี
ผลสุดท้ายเป็นอย่างไรสำหรับท่านที่ผ่านมาเยอะย่อมทราบดี การเทรดนั้นไม่สามารถเน้นไปที่เรื่องของปริมาณการเทรดอย่างเดียวได้ต้องเน้นไปที่คุณภาพ การจะเน้นไปที่คุณภาพได้นั้นต้องใส่ใจกับสัญญาณที่มีความแม่นยำสูง ตัวอย่างเช่น เรื่องของกราฟที่มีความน่าจะเป็นสูง หรือโอกาสเกิดยาก ซึ่งทำให้กำไรได้แน่นอน ความจริงแล้วกราฟ Forex ที่สร้างจังหวะให้เทรดนั้น จะมีความแม่นยำและความน่าจะเป็นของสถานการณ์การเกิดแตกต่างกันไป เช่น ในเทรนด์ ขาลงหรือขาขึ้น การกลับตัวของ Stochastic มีแนวโน้มที่จะมีความผิดพลาดได้มากกว่า ขณะที่ในเทรนด์ Sideway ความแม่นยำของ Stochastic นั้นมีความแม่นยำสูงกว่า ขณะที่อีกเครื่องมือหนึ่ง ตัวอย่างเช่น Moving Average กลับให้ความแม่นยำมากกว่าในช่วงที่ตลาดมีเทรนด์แต่ว่าเมื่อเรานำมาใช้วัดในช่วงตลาดที่เป็น Sideway กลับกลายเป็นว่า Moving Average ไม่สามารถใช้ได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงต้องมีการวิเคราะห์สถานการณ์ของการเทรดว่า เราอยู่ช่วงไหนและควรจะใช้เครื่องมือไหน ความมั่นใจของเราว่าคาดการณ์แล้วมันจะไปแบบไหนเป็นอย่างไร ซึ่งการทำแบบนี้เราจะรู้ความแม่นยำของการเทรดว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป
การหักห้ามใจตัวเอง
หลังจากที่เราได้ความแม่นยำมาแล้ว อย่าลืมว่ามันมีอีกหลายจังหวะของการเทรดที่การเทรดนั้นจะต้องตัดสินใจบนความสุ่มเสี่ยง ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์คนหนึ่งวิเคราะห์กราฟออกมาแล้ว มีโอกาสขึ้นประมาณ 80 % อีก 20 % นั้นไม่แน่ใจนักเพราะว่า กราฟรูปแบบนี้เขาเคยเห็นมาบ่อย นั่นหมายความว่า ความน่าจะเป็นที่จะเกิดสูงพอสมควร ขณะเดียวกันเมื่อเทรนด์เปลี่ยนเข้าสู่ Side Way เทรดเดอร์ไม่มีความถนัด มั่นใจประมาณ 60 % คำถามมันจะมีอยู่อย่างนี้ว่า “แล้วเราจะส่งคำสั่งไหม?” ซึ่งบางคนมีโอกาสเกิดครึ่งก็ส่งคำสั่ง หรือเพราะว่าเป็นรายย่อยหน้าใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาในวงการก็จะมีโอกาสส่งคำสั่ง แต่ไม่ใช่เพราะว่ามันตั้ง 60 % ของโอกาสชนะ แต่อาจจะเพราะว่า รายย่อยมองความน่าจะเป็นและความถนัดของตัวเองไม่ออกทำให้ส่งคำสั่งออกไป นี่แหละที่ทำให้การเทรดนั้นผิดพลาด
บ่อยครั้งที่เราตัดสินใจส่งคำสั่ง ด้วยความมั่นใจเพียง 50% ซึ่งมันมีโอกาสที่จะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ จนทำให้การเทรดนั้น ส่งผลเสีย การส่งผลเสียของการเทรดนั้น เมื่อโดนบ่อย ๆ เข้าทำให้สภาพจิตใจของเราเสียไปด้วย ความมั่นใจในการเทรดของเราเสียไปด้วย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องโฟกัสไปที่ความแม่นยำเป็นหลัก และใส่ใจกับปริมาณทีหลัง
การจัดการกับการเทรดเยอะเกินไป
เมื่อเรารู้แล้วว่ามันไม่มีผลดีต่อการเทรด สิ่งที่เราควรจะทำคือ หาวิธีจัดการนิสัยเสีย ๆ เช่น การเสพติดการเทรด การ Overtrade หรือ การควบคุมตัวเองไม่ได้จนเสียวินัยในการเทรด เนื่องจากปัญหาพวกนี้มันเป็นหาเกี่ยวข้องกับสภาพจิติใจ การจะแก้ไขปัญหาของมันก็ต้องแก้ให้ถูกที่ สิ่งที่คุณต้องทำคือ การหากิจกรรมอื่นทำ ให้คุณเลิกคิดเรื่องการเทรด จนแทบจะเลิกเทรดไปเลยก็ได้ การทำแบบนี้จะทำให้ตัวคุณสนใจการเทรดน้อยลงและหันไปสนใจกับชีวิตที่ต้องใช้ ลูกเมียที่ต้องดูแล เพื่อที่ต้องออกไปหา สวนต้นไม้ที่ต้องคอยเอาใจใส่ มากกว่าที่จะนั่งติดหน้าจอ อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่การเลิกการเทรดนะครับ มันคือ การเอาตัวเองออกจากหน้าจอ สิ่งที่คุณควรจะทำคือ อ่านหนังสือ ศึกษาหาความรู้เป็นครั้งคราวและอย่าทิ้งมัน ทำมันไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เอาแต่คร่ำเคร่งกับมันเอาเป็นเอาตาย จนสูญเสียชีวิตส่วนตัว นี่แหละครับทางแก้ เมื่อแก้ได้สภาพจิตใจก็จะดีขึ้น ขาดทุนหรือกำไรก็จะไม่ใส่ใจมากทำให้เราทำตามวินัยของเราได้