เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์การซื้อขาย Leverage และเงื่อนไขอื่น ๆ โดยเฉพาะเมื่อทำการเปิดออเดอร์แล้วสิ่งเดียวที่ Trader มักจะกังวลใจ คือ ผลกำไรจากการลงทุนของเขา ส่วนใหญ่มักจะมองข้ามเรื่องของ Book A Book B แต่ปัจจุบัน Trader เริ่มจะให้ความสนใจเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมันจะส่งผลต่อประโยชน์สูงสุดของคนเทรด ซึ่งในบทความนี้เราจะมาดูกันว่า A Book และ B Book มีความหมายอย่างไรในการซื้อขาย Forex และเหตุใดจึงควรให้ความสนใจกับเรื่องนี้
A-Book และ B-Book คืออะไร ?
เป็นคำเรียกลักษณะการซื้อขายของโบรกเกอร์
โบรกเกอร์ A Book คืออะไร ?
ว่ากันว่า A Book เป็นโบรกเกอร์ที่จะให้ราคาที่เที่ยงตรงกับเรามากที่สุด ซึ่งคนที่ใช้โบรกเกอร์แบบนี้ส่วนใหญ่ จะเป็นคนที่ต้องการความเสี่ยงทางด้านราคาที่ต่ำ เพราะ Broker ประเภทนี้จะนำฟีดราคา (Pricing Feed Data) มาจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่ จึงทำให้ไม่สามารถลากไส้กราฟได้ และโบรกเกอร์นี้ส่วนใหญ่จะมีค่า Spread ที่ต่ำ และนำคำสั่งซื้อขายของเทรดเดอร์เข้าสู่ตลาดโดยตรง
โบรกเกอร์ B Book คืออะไร ?
ใช่ว่าโบรกเกอร์ประเภท B Book จะไม่ดี แต่บางโบรกเกอร์ที่มีขนาดใหญ่มาก พอจะที่เป็น Liquid Provider เองได้ ผู้ที่นำราคาจากตลาดมาให้ลูกค้าเทรด และถือออร์เดอร์ตรงกันข้ามกับลูกค้า ซึ่งสามารถเปลี่ยนไปส่งเข้าตลาดเมื่อไหร่ก็ได้ ทำให้เราสามารถเทรดกับโบรกเกอร์ได้อย่างไม่มีการ Requote นอกจากนี้เรายังเคยได้ยินว่าเกิด Market Maker ในโบรกเกอร์เหล่านี้ จริง ๆ แล้วคงไม่มีใครกล้าทำอะไรแบบนั้น เพราะถือเป็นการทำลายชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นอย่างมาก
โบรกเกอร์ที่เป็นทั้ง A Book และ B Book
ความนิยมของโมเดลที่รวมทั้งสองแบบในโบรกเกอร์เดียวกันเริ่มนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยให้โบรกเกอร์ Forex สามารถเพิ่มผลกำไรและความน่าเชื่อถือได้มากขึ้น โดยที่ทางโบรกเกอร์ Forex จะมีซอฟต์แวร์ที่วิเคราะห์คำสั่งซื้อของลูกค้า พวกเขาสามารถกรองผู้ค้าตามขนาดของเงินฝากของพวกเขาได้ ถ้าลูกค้ามีขนาดออเดอร์ที่ใหญ่ทาง Broker จะส่งคำสั่งโดยตรงเข้าตลาด แต่ถ้ามีออเดอร์ที่เล็กทาง Broker จะรับคำสั่งไว้เอง ข้อเสียหลักของระบบนี้คือ หาก Broker จัดการความเสี่ยงของ B Book ผิดพลาด อาจทำให้บริษัทเจ๊งได้
วิธีแยกแยะระหว่างโบรกเกอร์ A Book และ B Book
สำหรับ A Book สามารถแยกได้ตามลักษณะดังนี้
- ประเภทการดำเนินการตามคำสั่ง - การดำเนินการตามตลาด
- สเปรดเป็นตัวแปร สเปรดคงที่อาจหมายความว่าโบรกเกอร์หรือผู้ให้บริการสภาพคล่องเพิ่มค่าคอมมิชชันในราคาที่ดีที่สุด
- ไม่มีการรีโควต (แทบจะไม่สามารถสังเกตได้เฉพาะกับโบรกเกอร์ STP)
- Slippage มีทั้งในทิศทางลบและบวก
- ไม่มีการจำกัดกลยุทธ์การซื้อขายที่ใช้ โบรกเกอร์ ECN สนับสนุนกลยุทธ์การซื้อขายความถี่สูง และสามารถจัดหาเซิร์ฟเวอร์สำหรับการซื้อขายอัลโก้ (Algorithmic Trading) ได้
สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็นโบรกเกอร์ประเภทไหน ก็ล้วนจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ที่สำคัญเราควรจะศึกษาหาความรู้ก่อนเป็นอย่างดี ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในโบรกเกอร์นั้น ๆ
Updated
2 years ago
(Nov 12, 2020 16:00)