ความน่ากลัว: ขณะที่โคโรน่าไวรัสระบาดไปทั่วโลกโดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 10,000 รายต่อวัน ความวิตกยังคงเกิดขึ้นในทุกภาคส่วนของสังคม ตัวอย่างหนึ่งก็คือการกักตุน โดยกระดาษชำระได้กลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ “มีค่ามากที่สุด” ในทุกวันนี้ ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องพูดเลยว่าในบางครั้ง ชั้นวางของในซูเปอร์มาร์เก็ตก็ว่างโล่ง นอกจากนี้ พวกเขายังบอกให้ “ล้างมือบ่อยๆ” ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจึงกำลังจะเป็น “สิ่งที่หมดเกลี้ยง” รายต่อไป เนื่องจากกำลังจะมีการใช้ข้อห้ามและการปิดเมืองมากขึ้นในบางส่วนของโลก ผู้คนจึงหันมาใช้จ่ายทางออนไลน์แทน โซเชียลมีเดียก็กลายเป็นแหล่งข้อมูลใหม่ โดยมักจะมีข้อมูลเท็จเต็มไปหมด ฉันขอเล่าความวุ่นวายที่เกิดจากข่าวปลอมนี้หน่อย เกิดการโทษกันขึ้นแล้ว ประเทศ รัฐบาล ประธานาธิบดี...หรือแม้แต่ประชาชนผู้มีชื่อเสียงและชอบการกุศลต่างก็ถูกกล่าวโทษทางโซเชียล มีผู้ติดตามมากขึ้นเพราะเข้าไปตำหนิ และได้รับความสนใจในเชิงลบมากขึ้น ฯลฯ
ความแย่: จีนจัดการควบคุมการระบาดของไวรัสได้ในเวลาเกือบสองเดือน แต่โชคไม่ดีที่แทบไม่ได้รับชื่อเสียงหรือการยอมรับ อะไรที่เราได้เรียนรู้จากจีนในตอนนี้ มาตรการใดบ้างที่พวกเขาใช้ เราได้ถามหรือยัง ข่าวที่เป็นบวกจะไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่! เกาหลีใต้ก็ทำตามจีนเช่นกัน จำนวนผู้ติดเชื้อในตอนนี้จึงลดลง! ดังนั้น จึงมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เพียงแค่เราต้องมองไปยังทิศทางที่ถูกต้อง
ความดี: พวกเขาบอกว่าตลาดดิ่งลงแรง สายการบินกำลังเผชิญเวลาที่ยากลำบาก น้ำมันร่วงลงหนัก (แตะระดับต่ำสุดที่ 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) และทองคำปรับตัวลดลงต่ำกว่า 200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อทรอยออนซ์ เมื่อพูดถึงการเทรดในตลาดเงิน ปัจจัยเหล่านี้จะหมายถึงโอกาส การที่ตลาดปรับตัวบวกจะเปิดโอกาสให้ซื้อ (Long) ขณะที่ตลาดปรับตัวลงจะให้โอกาสในการขาย (Short) สิ่งสำคัญที่สุดที่เทรดเดอร์ต้องทำก็คือการเทรดในทิศทางที่ถูกต้องและเทรดตามแนวโน้ม Stop Loss เพื่อป้องกันเป็นสิ่งจำเป็นและฉันแน่ใจว่าการปรับตัวไปในทิศทางตรงกันข้ามทำให้เกิดเรื่อง “น่าสยองขวัญ” ให้เล่ามากมายหลายเรื่อง และนี่ไม่ใช่เวลาที่จะ “เพิ่มอีโก้” แต่เป็นเวลาที่จะดูกราฟราคาอย่างใกล้ชิดและค้นหาแนวโน้มใหม่ตั้งแต่เนิ่นๆ
คู่ลูนี่ (The Loonie): กลับไปที่หลักการพื้นฐาน การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่กังวลว่าตลาดจะขึ้นหรือลง เพราะในทางตรงกันข้าม การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะสนใจแต่ผลของเหตุ ราคาจึงสำคัญที่สุด! เพียงแค่พิจารณากราฟราคาและผลที่จะเกิดขึ้น มาดู USDCAD หรือที่เรียกกันแพร่หลายว่า ‘คู่ลูนี่’
ในกราฟรายชั่วโมง คู่ลูนี่ได้ปรับตัวในทิศทางขาขึ้นตั้งแต่ 21 กุมภาพันธ์ 2020 ซึ่งเป็นหลักฐานว่าราคาปรับตัวขึ้นไปหาจุดสูงสุดที่สูงกว่าเดิมและทำจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น อันเป็นรูปแบบขาขึ้น ดังนั้น ในวันที่ 19 มีนาคม 2020 ผู้ซื้อจึงขาดแรงกระตุ้น ส่วนผู้ขายได้เป็นฝ่ายคุมตลาด พูดให้ชัดเจนขึ้นก็คือตลาดทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการที่ 1.46668 จากนั้น เนื่องจากตลาดกำลังเข้าสู่ภาวะหมี คู่ลูนี่จึงปรับตัวลดลงโดยทำจุดต่ำสุดที่ 1.44589 แล้วราคาก็น่าสนใจจนเกิดภาวะกระทิงและเทรดเดอร์เปิดสถานะซื้อในตลาด โชคไม่ดีที่พลังซื้ออ่อนแรงขณะที่ตลาดทำจุดสูงสุดครั้งใหม่ที่ 1.46317 ซึ่งไม่สามารถปรับตัวได้สูงกว่าจุดสูงสุดครั้งก่อนหน้านี้ นี่คือสัญญาณเตือนสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค หลังจากนั้น ราคาก็ร่วงลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 1.44589 โดยกลับตัวเป็นขาลง ซึ่งเปิดทางให้ผู้ขายเข้ามาในตลาด เครื่องมือ Fibonacci ทำจุดต่ำสุด (1.55589) และทำจุดสูงสุดที่ 1.46317 จึงคำนวณราคาที่อาจเกิดขึ้นได้สามเป้าหมาย เป้าหมายราคาแรกอยู่ที่ 1.43521 (1.618) ซึ่งทะลุไปแล้ว ส่วนเป้าหมายราคาที่สองซึ่งประมาณการไว้ที่ 1.41793 (2.618) ก็ทะลุแล้วเช่นกัน และเป้าหมายราคาที่สามอยู่ที่ 1.38997 (4.236) แน่นอนว่าเวลาจะเป็นตัวบอกว่าผู้ขายจะยังคงควบคุมตลาดและส่งแรงดันให้ USDCAD ปรับตัวลดลงได้หรือไม่
สรุป: ไม่ต้องสงสัยเลยว่าระหว่างเวลาที่น่าเคร่งเครียดอย่างหนักที่เราทุกคนกำลังเผชิญกันอยู่นี้ การระมัดระวังไว้ก่อนจะเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งการล้างมือก็ด้วย อยู่บ้านเมื่อจำเป็น หาข้อมูลจากแหล่งที่ถูกต้อง และหลีกเลี่ยงการติดกับจิตวิทยาหมู่ ในอีกแง่หนึ่ง ให้มองหาสัญญาณกราฟซึ่งกำลังเกิดแนวโน้มใหม่ ความผันผวนอาจเปิดโอกาสในการเทรด แต่ความวิตกจะไม่ส่งผลดี
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าการเทรดระหว่างช่วงที่ผันผวนนั้นมีความเสี่ยง