ราคาน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากแนวโน้มการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ โดยเจพีมอร์แกนคาดว่า สหรัฐจะผลิตน้ำมันเฉลี่ย 11.36 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 11.32 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2563
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนเม.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 22 เซนต์ ปิดที่ 65.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 34 เซนต์ ปิดที่ 68.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ นักลงทุนได้เทขายทำกำไรสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสหลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน และปรับตัวขึ้น 7 สัปดาห์ติดต่อกัน
นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนคาดว่า ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะกระตุ้นให้ผู้ผลิตสหรัฐเพิ่มการผลิต ซึ่งจะกดดันราคาลงในที่สุด ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563 แม้ว่าขณะนี้ราคาน้ำมันกำลังพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561