ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 127.50 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 32,825.95 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 6.23 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 3,962.71 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 11.86 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 13,471.57 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันอังคาร(16มี.ค.)ปรับตัวร่วงลง 127 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพักฐานในวันนี้ หลังจากพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นวันที่ 6 วานนี้
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นเกือบ 200 จุดเมื่อคืนนี้ ทำสถิติปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 7 วัน ซึ่งเป็นช่วงขาขึ้นยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2563 โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ลงนามในร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในวันนี้ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนก.พ. ทำให้มีการคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นในปีนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าปรับตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนก.พ. โดยดีดตัวขึ้น 1.3% เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้นเพียง 1.2% เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคานำเข้าพุ่งขึ้น 3.0% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2555 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนม.ค.
ดัชนีราคานำเข้าได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาอาหาร, น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่จะตามมาจากการที่สหรัฐใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ