โฆษกของมารีนแทรฟฟิก เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเรือบรรทุกน้ำมันและเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์อย่างน้อย 10 ลำที่กำลังเปลี่ยนเส้นทาง โดยตัวเลขดังกล่าวน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในขณะที่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย
ข้อมูลจากมารีนแทรฟฟิกและคลิปเปอร์ดาต้า ระบุว่า เรือขนส่งน้ำมันและเรือขนส่งก๊าซธรรมชาติหลายลำ ซึ่งรวมถึงเรือของบริษัทเชอร์เนียร์ และบริษัทเชลล์ ต่างกำลังหาเส้นทางเดินเรือใหม่ เพื่อเลี่ยงจุดเกิดเหตุเรือยักษ์ขวางคลองสุเอซซึ่งยืดเยื้อมาเกือบสัปดาห์แล้ว
เรือเอเวอร์ กิฟเวน ซึ่งเป็นหนึ่งในเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้กีดขวางการสัญจรทั้งหมดในเส้นทางการค้าที่สำคัญในคลองสุเอซ หลังจากที่เรือลำดังกล่าวเกยตื้นขวางคลองมาตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เรือดังกล่าวซึ่งมีความยาวประมาณ 400 เมตรนั้น มีความยาวเท่ากับความสูงของตึกเอ็มไพร์ สเตทในสหรัฐ
บรรดาผู้เชี่ยวชาญคาดว่า อาจต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์ที่จะเคลื่อนย้ายเรือดังกล่าวเพื่อเปิดเส้นทางสัญจรในคลองสุเอซซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าราว 12% ของการค้าโลก ขณะที่ภาวะชะงักงันดังกล่าวกำลังเริ่มที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ
ข้อมูลจากมารีนแทรฟฟิก ระบุว่า ขณะนี้มีเรือติดอยู่ส่วนบนของคลองสุเอซประมาณ 97 ลำ โดยมีอีก 23 ลำติดอยู่บริเวณส่วนกลาง และอีก 108 ลำบริเวณส่วนล่าง