รัฐบาลจีนประกาศนโยบายลดภาษีให้กับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจดังกล่าว หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ต้องการป้องกันไม่ให้จีนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตชิปประมวลผลของบรรดาผู้ผลิตสัญชาติอเมริกัน
การประกาศใช้นโยบายของจีนในครั้งนี้ตั้งเป้าผลักดันและกระตุ้นการขยายตัวของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีน เพื่อส่งเสริมให้จีนก้าวขึ้นเป็น ‘ผู้นำด้านเทคโนโลยี’ ในตลาดโลกที่สามารถพึ่งตนเองได้ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายทางเศรษฐกิจของประเทศที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ในปีนี้ ทั้งนี้กระทรวงการคลังจีนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่า ผู้ผลิตชิปประมวลผลสัญชาติจีนสามารถนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบต่างๆ โดยไม่ต้องเสียภาษียาวไปจนถึงปี 2030
อย่างไรก็ตาม ประกาศดังกล่าวกลับไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับมูลค่าการอุดหนุนของนโยบายใหม่นี้อย่างไร ซึ่งในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลกรุงปักกิ่งพยายามอย่างหนักในการก่อร่างสร้างอุตสาหกรรมผลิตชิปประมวลผลภายในประเทศจีน ทว่าธุรกิจสมาร์ทโฟนและเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก็ยังคงต้องพึ่งพาชิปจากต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ยุโรป และไต้หวัน เพื่อผลิตชิ้นส่วนที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม จีนเริ่มตระหนักถึงความไม่มั่นคงของอุตสาหกรรม เมื่ออดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศดำเนินมาตรการสกัดกั้น Huawei บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีน ไม่ให้เข้าถึงชิปและเทคโนโลยีต่างๆ ของสหรัฐฯ ได้ จนธุรกิจสมาร์ทโฟนของ Huawei ร่วงจาก 5 อันดับแบรนด์ชั้นนำของโลกเมื่อต้นปีที่ผ่านมาไปโดยปริยาย
ขณะเดียวกันแม้จะมีการเปลี่ยนผู้นำมาเป็นประธานาธิบดีโจ ไบเดน แต่นักวิเคราะห์ด้านการเมืองกลับมองว่า รัฐบาลชุดใหม่ไม่น่าจะผ่อนคลายท่าทีที่มีต่อจีนมากนัก ขณะที่ เหรินเจิงเฟย ผู้ก่อตั้ง Huewei เคยกล่าวไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า โอกาสที่สหรัฐฯ จะยกเลิกมาตรการลงโทษนั้น ‘แทบไม่มีเลย’ ด้วย