ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดวันอังคารที่ 6 เม.ย. ปรับตัวลงเล็กน้อย ขณะนักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของบรรดาบริษัทจดทะเบียน แม้ได้แรงหนุนจากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 96.95 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 33,430.24 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 3.97 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 4,073.94 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 7.21 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 13,698.38 จุด
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 63.7 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 55.3 ในเดือนก.พ. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 59.0 โดยดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ
ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของสหรัฐได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน ท่ามกลางความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐ และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งสภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้นในเดือนมี.ค.
บรรดานักลงทุนจับตารายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประจำเดือนมี.ค. ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 16-17 มี.ค. และส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2566