ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันอังคารที่ 20 เม.ย. ปรับตัวร่วงลง 256 จุด หลังยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ส่งผลกระทบกับหุ้นภาคการเดินทาง แม้มีการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 256.33 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 33,821.30 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 28.32 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 4,134.94 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 128.50 จุด หรือ 0.92% ปิดที่ 13,786.27 จุด ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มสายการบินและผู้บริหารงานการเดินเรือสำราญ รวมถึงเจ็ทบลู แอร์เวย์ส อเมริกัน แอร์ไลน์ส นอร์เวย์ ครุยส์ ไลน์ และคาร์นิวัล คอร์ป ซึ่งเคยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงระหว่างล็อกดาวน์ปีที่แล้วและเพิ่งฟื้นตัวเมื่อเร็วๆนี้ ดิ่งลงอีกรอบโดยปรับลดประมาณ 4% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการล็อกดาวน์รอบใหม่
ขณะที่บริษัทพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี) และบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (เจแอนด์เจ) ต่างเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในวันนี้
นักวิเคราะห์ระบุว่า ดัชนีดาวโจนส์ไม่ตอบรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในวันนี้ เนื่องจากตลาดได้ปรับตัวรับข่าวดีดังกล่าวแล้วในการซื้อขายก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้ดัชนีพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา
องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (อีเอ็มเอ) แถลงว่า การใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่พัฒนาโดยแจนเซน ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (เจแอนด์เจ) อาจทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
“คณะกรรมการความปลอดภัยของอีเอ็มเอได้ข้อสรุปว่า ควรมีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเกิดภาวะลิ่มเลือดที่ผิดปกติพร้อมกับเกล็ดเลือดต่ำในข้อมูลผลิตภัณฑ์วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแจนเซน โดยเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขและผู้ที่จะได้รับวัคซีนดังกล่าวควรตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะลิ่มเลือดที่ผิดปกติรวมทั้งการมีเกล็ดเลือดต่ำภายในเวลา 3 สัปดาห์หลังการฉีดวัคซีน” แถลงการณ์ระบุ
อย่างไรก็ดี อีเอ็มเอ ระบุว่า ประโยชน์จากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของจอห์นสันฯ ยังคงมีมากกว่าความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น