สรุป ราคาทองคําทรงตัวรักษาระดับไว้ได้ แม้จะเผชิญแรงขายสลับออกมาบ้างก็ตาม โดยมีแรงซื้อทองคํา ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในตลาดหลายประการ อาทิ

1) แผนปรับขึ้นภาษีของปธน.โจ ไบเดน ของสหรัฐ โดยจะเก็บภาษีกําไรที่ได้จากการลงทุน (capital gains tax) เพิ่มอีกเกือบ 2 เท่า จาก 20% เป็น 39.6% สําหรับผู้ที่มี รายได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งปธน.ไบเดนจะเสนอแผนดังกล่าวต่อสภาคองเกรสในวันพรุ่งนี้ (28 เม.ย.)

2) ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดไปทั่วโลก ขณะที่สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) ยังไม่ได้ให้การอนุมัติการใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซน เนก้าในสหรัฐ แม้ว่าสหรัฐจะกลับมาอนุญาตให้เริ่มใช้วัคซีนของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ได้อีกครั้งสําหรับประชากรวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐ แต่ผลสํารวจซึ่งจัดทํา โดยสถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ร่วมกับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ บ่งชี้ว่า ชาวมะกันน้อยกว่าครึ่งเชื่อมั่นในวัคซีนโควิดของจอห์นสันฯ น้อยกว่า 50% เชื่อว่าวัคซีน J&J มี ความปลอดภัย และมีเพียงราว 20% ของผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนระบุว่ายินดีจะรับวัคซีนดังกล่าว และแม้ว่าขณะนี้ชาวอเมริกันมากกว่า 139 ล้านคน หรือ 42.2% ของ ประชากรทั้งหมดได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 เข็มแล้ว แต่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงมีมุมมองในเชิงระมัดระวังต่อเส้นทางเศรษฐกิจสหรัฐ และ คาดว่าจะผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป จึงช่วยหนุนราคาทองคําไว้ ด้านปัจจัยทางเทคนิคประเมินว่า หากราคาทองคําไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,789 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ อาจทําให้เกิดการอ่อนตัวลงของราคาทดสอบแนวรับโซน 1,769-1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถยืนเหนือโซนแนวรับแรกได้ก็จะเห็นการดีดตัวขึ้น โดยยังมี โอกาสที่จะราคาทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,789-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนํากลยุทธ์การลงทุน เข้าซื้อขายทํากําไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวในกรอบ แนะนํารอดู บริเวณ 1,769-1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่หลุดสามารถเข้าซื้อเก็งกําไรระยะสั้น (ตัดขาดทุนหากราคหลุดแนวรับดังกล่าว) แล้วทยอยขายทํากําไรเมื่อราคาดีดตัวหรือ บริเวณแนวต้าน 1,789-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์

คำแนะนำ ซื้อขายทํากําไรระยะสั้นตามกรอบราคาระหว่างวันหากราคาทองคําไม่หลุดแนวรับ 1,769-1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อาจจะเห็นการดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,789-1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์