สรุปราคาทองคําวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ในระหว่างวันราคาทองคําจะทะยานขึ้นไปทําระดับสูงสุดบริเวณ 1,859.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรง หนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ท่ามกลางการแข็งค่าของยูโรและปอนด์
หลังจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งยุโรปที่ออกมาดีเกินคาด อาทิ ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการ เบื้องต้นของสหราชอาณาจักร ที่ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 62.0 ในเดือนพ.ศ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 56.9 ในเดือนพ.ศ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ําสุดในรอบกว่า 4 เดือนบริเวณ 80.65 จนเป็นปัจจัยสําคัญที่ผลักดันให้ราคา ทองคําดีดตัวขึ้นแรง
อย่างไรก็ดี ราคาทองคําปรับตัวลงแรงในทันทีที่มาร์กิตเปิดเผยว่าดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐดีดตัวเกินคาดสู่ระดับ 68.1 ในเดือนพ.ศ. ซึ่ง เป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนการขยายตัวควบคู่กันทั้งภาคการผลิตและบริการ ส่งผลให้ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ําสุดในระหว่างวัน ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นขานรับ ตัวเลขดังกล่าวเช่นกัน จนเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาทองคําร่วงลงแรงสู่ระดับต่ําสุดบริเวณ 1,870.07 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะมีแรงซื้อในช่วงปลายตลาดหนุนให้ราคาทองคําฟื้นตัวขึ้นมาปิด ตลาดบริเวณ 1,880.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคําเพิ่มอีก +5.83 ตันโดยเกิดกระแสเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน สําหรับวันนี้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลข เศรษฐกิจสหรัฐ แต่แนะนําติตตามถ้อยแถลงของนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟตแอตแลนตา และนางสาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟต
ระหว่างวันหากราคาทองคําไม่หลุด 1,875-1,870 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวโน้มราคาทองคําในระยะ สั นราคายังคงมีรูปแบบแกว่งตัวในลักษณะค่อยปรับตัวขึ น ซึงมีโอกาสดีดตัวขึ้นทดสอบบริเวณ 1,900-1,906 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคําหลุดแนวรับดังกล่าว มีโอกาสปรับตัวลงไปหา แนวรับถัดไปที่ 1,859 ดอลลาร์ต่อออนซ์
คําแนะนํา ราคาอาจขึ้นไปทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,9001,906 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืนไม่ได้อาจเกิด แรงขายทํากําไรระยะสั้นออกมา เมื่อราคาทองคําอ่อนตัว ลงจะมีแนวรับบริเวณ 1,870-1,859 ดอลลาร์ต่อออนซ์