ราคาทองคําในวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ในระหว่างวันราคาทองคําจะร่วงลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,882.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี ราคา ทองคําดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี Core PCE พื้นฐาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ให้ความสําคัญ เพิ่มขึ้นเกินคาดที่ 0.75% ในเดือนเม.ย.
.
เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐาน พุ่งขึ้นเกินคาดเช่นกันถึง 3.1% ในเดือนเม.ย. สะท้อนว่าเงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีจึงมีแรง ซื้อทองคําในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ อีกทั้ง “ตลาดไม่ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย” สะท้อนจาก Eurodollar futures ที่สิ้นสุดอายุในเดือน ธ.ค.2022 และมี.ค. 2023 ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ
.
ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงมาเคลื่อนไหวต่ํากว่าระดับ 1.6% อีกครั้ง สถานการณ์ดังกล่าวช่วยหนุน ราคาทองคําให้ทะยานขึ้นกว่า 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับต่ําสุดในระหว่างวันสู่ระดับสูงสุดบริเวณ 1,905.51 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าสกุลเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวสูงขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยสกัดช่วงบวกราคาทองคําก็ตาม ด้านกองทุน SPDR ในวันศุกร์ถือครองทองคําลดลง -0.87 ตัน แต่ถือครองทองคําเพิ่มในรายสัปดาห์เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน สําหรับ วันนี้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ
.
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายอาจเบาบางกว่าปกติ เนื่องจากตลาดทองคําอังกฤษปิดทําการในวันสิ้นสุดฤดูใบไม้ผลิ (Spring bank holiday) ขณะที่ ตลาดทองคํา ตลาดเงินและตลาดทุนของสหรัฐปิดทําการเนื่องในวันทหารผ่านศึก (Memorial Day)
.
หากราคาทองคํายังไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,913 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของ สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้แรงซื้อยังคงถูกจํากัด สําหรับวันนี้ประเมินแนวรับระยะสั ้นในโซน 1,890- 1,884 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับสําคัญจะอยู่ในโซน 1,872 ดอลลาร์ต่อออนซ์
Updated
3 years ago
(May 31, 2021 13:05)