กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทั่วโลกร่วมกันลงทุนมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาให้สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเพื่อพยุงเศรษฐกิจโลกให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
“เรามีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า ในระยะเวลาอันใกลนี้ การฉีดวัคซีนทั่วโลกถือเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการกระตุ้นผลผลิตทั่วโลก” นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ พร้อมกับแสดงความกังวลว่า การแจกจ่ายวัคซีนอย่างไม่เท่าเทียมกันระหว่างกลุ่มประเทศที่ร่ำรวยและประเทศที่ยากจนนั้น อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ด้านดับเบิลยูเอชโอ และองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ได้ออกมาเรียกร้องขอความร่วมมือด้านการลงทุนเช่นกัน หลังจากทีมวิเคราะห์ของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า เม็ดเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์มีความจำเป็นต่อการทำให้การแจกจ่ายวัคซีนมีความเท่าเทียมกัน อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนการวินิจฉัยโรค การจัดหาอ็อกซิเจน การรักษา และการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์
“เม็ดเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์นี้ จะช่วยให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยุติลงรวดเร็วขึ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา อีกทั้งจะช่วยลดการติดเชื้อและการเสียชีวิต นอกจากนี้ จะช่วยเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และจะกระตุ้นผลผลิตทางเศรษฐกิจทั่วโลกเพิ่มอีกประมาณ 9 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2568” แถลงการณ์ของไอเอ็มเอฟ,ดับเบิลยูเอชโอและดับเบิลยูทีโอ ระบุ
แถลงการณ์ร่วมในครั้งนี้มีขึ้นก่อนที่การประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มจี7 จะมีขึ้นที่กรุงลอนดอนในสัปดาห์นี้