สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ค.ของจีน ปรับตัวขึ้น 27.9% ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 51.1% ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนพ.ค.ที่ระดับ 4.553 หมื่นล้านดอลลาร์ ในส่วนยอดนำเข้าและส่งออกเดือนพ.ค.ของจีนยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ค.จะเพิ่มขึ้น 32.1% และคาดว่ายอดนำเข้าจะพุ่งขึ้น 51.5% ส่วนยอดเกินดุลการค้าในเดือนพ.ค.คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 5.05 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.286 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย.
นักวิเคราะห์จากบริษัทพินพอยท์ แอสเซท เมเนจเมนท์กล่าวว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ค.ยังขยายตัวน้อยกว่าในเดือนเม.ย.ที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 32.3% ซึ่งคาดว่าอาจมีสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของโรคโควิด-19 ในมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นเหตุให้ปริมาณการส่งออกที่ท่าเมืองในเมืองเซินเจิ้นและกวางโจวชะลอตวลง
ส่วนยอดนำเข้าซึ่งขยายตัว 51.1% ในเดือนพ.ค.นั้น แม้ว่าจะน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะพุ่งขึ้น 51.5% แต่ก็ถือเป็นตัวเลขที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2554
รายงานของ GAC ยังระบุด้วยว่า จีนมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐในเดือนพ.ค.ที่ระดับ 3.178 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.811 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. ส่วนในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค.ปีนี้ จีนมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐทั้งสิ้น 1.3246 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนม.ค.-เม.ย.ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.0068 แสนล้านดอลลาร์
ทางการจีนได้พยายามติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการค้าและเศรษฐกิจของสหรัฐนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค.ปีนี้ โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนได้สนทนาทางโทรศัพท์ร่วมกับนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ได้พูดคุยกับนางแคเธอรีน ไท่ ผู้แทนการค้าของสหรัฐเมื่อช่วงปลายเดือนพ.ค.
อย่างไรก็ตาม คณะบริหารของปธน.ไบเดนกำลังทบทวนนโยบายการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ก่อนที่ข้อตกลงการค้าเฟสแรกจะหมดอายุลงในสิ้นปี 2564 ในขณะที่สหรัฐพยายามเรียกร้องให้จีนเพิ่มคำสั่งซื้อสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมของสหรัฐ