ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 71.34 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 33,874.24 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 4.60 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 4,241.84 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 18.47 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 14,271.73 จุด ทั้งนี้ ดัชนีแนสแด็กปิดปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้แรงหนุนจากความเคลื่อนไหวชองงบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 62.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 62.1 ในเดือนพ.ค. ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 61.5 แต่บรรดาผู้ผลิตทั้งหลายยังคงประสบปัญหาในการจัดหาวัตถุดิบและแรงงานที่มีคุณภาพ ทำให้ราคาพุ่งสูงอย่างเป็นมาก
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นในวันนี้ ขานรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้นทะลุ 75 ดอลลาร์/บาร์เรล แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(FED)แถลงต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์โควิด-19 ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวเป็นวงกว้าง และเฟดจะไม่ใช้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อเป็นแรงผลักดันให้ต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการขั้นต้นจากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2564, รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) และความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
