SET ปิดซื้อขาย 29 มิ.ย.64 ปรับตัวลง 51.37 จุด จากวันที่ 14 มิ.ย.64 ที่พุ่งทำนิวไฮรอบ 1 ปี 7 เดือน ส่งผลให้ 30 บริษัท ราคาหุ้นมีอัพไซด์มากกว่า 20% พบ TACC อัพไซด์สูงสุด 67.14% ส่วน AMANAH ราคาหุ้นในช่วงดังกล่าว ปรับตัวลงแรงสุด 13.93%

ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) หลังทำนิวไฮรอบ 1 ปี 7 เดือน ที่ระดับ 1,642.80 จุด เมื่อ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงถึง 51.37 จุด หรือ -3.12% ส่งผลให้ในช่วงดังกล่าว (14 มิ.ย.-29 มิ.ย.64) มีหุ้นถึง 566 บริษัท ที่ราคาปรับตัวลดลง

ทั้งนี้ เมื่อ"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย"สำรวจหุ้นที่อยู่ใน IAA Consensus ซึ่งนักวิเคราะห์อัพเดทราคาเหมาะสมช่วง 1 เดือนหลัง พบว่า มี 30 บริษัท ที่ราคาหุ้น มีอัพไซด์มากกว่า 20% ประกอบด้วย

30 บจ.ดังกล่าว ราคาหุ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวลงเฉลี่ย 5.21% มากกว่า SET ที่ปรับตัวลง 3.12% โดย ส่วนใหญ่เป็นบริษัทในดัชนี SET100 จำนวน 21 บริษัท ขณะที่ กลุ่มธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ติดโผสูงสุด จำนวน 6 บริษัท รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจพาณิชย์ ติดโผ จำนวน 4 บริษัท

บมจ.ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ (TACC) เป็นบริษัทที่ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงสุดถึง 67.14% โดยราคาหุ้น 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา (ตั้งแต่ 14 มิ.ย.64) ปรับตัวลง 1.41% รองลงมา คือ บมจ.ช.การช่าง (CK) ที่ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 53.68% โดยราคาหุ้นปรับตัวลง 4.04% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ มีอีก 3 บริษัท ที่ราคาหุ้นมีอัพไซด์ ตั้งแต่ 40% ขึ้นไป ประกอบด้วย บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) ที่มีอัพไซด์ 48.10% โดยราคาหุ้นปรับตัวลง 7.3%, บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มีอัพไซด์ 46.41% ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวลง 8.85% และ บมจ.อินฟราเซท (INSET) มีอัพไซด์ 43.92% โดยราคาหุ้นปรับตัวลง 7.8%

ส่วน บมจ.อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง (AMANAH) เป็นบริษัทที่ราคาหุ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวลงมากที่สุด 13.93% ส่งผลให้ราคาหุ้น มีอัพไซด์ 23.81% รองลงมา คือ บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) ที่ราคาหุ้นปรับตัวลง 13.68% จนราคาหุ้นที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน มีอัพไซด์ 33.68%