สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) ขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 73.47 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 75.13 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เดือนส.ค.ได้ครบกำหนดส่งมอบแล้ว ณ วันพุธที่ 30 มิ.ย.

เมื่อพิจารณาตลอดทั้งไตรมาส 2/2564 สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 24.2% และเมื่อพิจารณาตลอดช่วงครึ่งแรกของปี 2564 สัญญาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 51% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้น 18.2% ในไตรมาส 2 และพุ่งขึ้น 45% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564

สำหรับภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้ สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 6.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 มิ.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.6 ล้านบาร์เรล

EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 869,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล

นักลงทุนจับตาผลการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันนี้ (1 ก.ค.) ซึ่งที่ประชุมจะกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าโอเปกพลัสจะพิจารณาปัจจัยต่างๆ ได้แก่ อุปสงค์น้ำมันจากสหรัฐ ยุโรป และจีน รวมทั้งแนวโน้มที่อิหร่านจะกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาด

ทั้งนี้ หากอิหร่านและสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลง ก็จะทำให้สหรัฐยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน และส่งผลให้อิหร่านสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันอีกครั้ง ด้านนักวิเคราะห์ของเอเอ็นแซดและไอเอ็นจีคาดการณ์ว่า โอเปกพลัสจะตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิต 500,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค.