.

 ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.31%แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง  พร้อมปิดเดือนมิ.ย.ด้วยการแข็งค่าขึ้นมากสุดนับตั้งแต่พ.ย.ปี 2016 ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือนมิ.ย. 

.

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดภาคการผลิตในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐปรับตัวลดลง  สู่ระดับ 36.6 ในเดือนมิถุนายน แตะระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์  รวมถึงต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ  70.2  และต่ำกว่าตัวเลขครั้งก่อนที่ 75.2 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 1983  

.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,502.51 จุด เพิ่มขึ้น 210.22 จุด หรือ +0.61% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,297.50 จุด เพิ่มขึ้น 5.70 จุด เพิ่มขึ้น +0.13% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,503.95 จุด ลดลง 24.38 จุด หรือ -0.17% เป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งของเศรฐกิจสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) เนื่องจากการที่นักลงทุนขายหุ้นเพื่อทำกำไรหลังตลาดบวกต่อเนื่องมานาน 5 เดือน ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตากดดันตลาดลงด้วย

.

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงเหลือ 1.45% แม้ ADP รายงานการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น 692,000 รายในเดือนมิถุนายน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 600,000 ราย นักลงทุนต่างจับตาดูว่าธนาคารกลางสหรัฐจะตอบสนองอย่างไรและจะกระชับนโยบายการเงินเร็วกว่าที่คาดไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม รายงานการจ้างงานในวันศุกร์จากกรมแรงงานจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนในสัปดาห์นี้มากขึ้น

.

คู่เงิน EUR/USD ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ได้เส้นค่าเฉลี่ย EMA 25 ที่กำลังตัดลงกับเส้น EMA 50 ในกอบเวลา 4 ชั่วโมงเป็นสัญญานบ่งบอกตลาดที่เป็นสภาวะขาลง หลังจากที่หลุดแนวรับที่ราคา 1.19175 และกำลังพยายามที่จะลงผ่านราคา 1.18450  หากราคาผ่านไปไต้จะมีเป้าหมายถัดไปที่ราคา 1.17960 โดยรวมแล้วแนวโน้มของตลาดคู่เงินยูโรเทียดอลลาร์ในวันนี้จะเป็นแนวโน้มขาลงโดยมีแนวรับ แนวต้านดังนี้

 

แนวต้าน : 1.18800 / 1.19175

แนวรับ : 1.18450 / 1.17960