นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ระบุว่า การปลดล็อกมาตรการล็อกดาวน์วันที่ 19 ก.ค.นี้ ครอบคลุมการยกเลิกการบังคับสวมหน้ากากอนามัยภายในอาคาร แต่ให้ทำตามความสมัครใจ การใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม 1 เมตร หากไม่สามารถทำได้ในระยะ 2 เมตร
ยกเลิกข้อกฎหมายว่าด้วยการจำกัดจำนวนคนที่พบกันในอาคารและนอกอาคาร จากที่กำหนดให้คนที่ไม่ได้อาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกันสามารถพบปะกันในร่มได้ไม่เกิน 6 คน ยกเลิกการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมคอนเสิร์ต ละครเวที และการแข่งขันกีฬา ธุรกิจทุกประเภทจะกลับมาเปิดได้ตามปกติ รวมทั้งไนท์คลับ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแบบจำลองทางวิทยาศาสตร์จะบ่งชี้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19ในอังกฤษจะเพิ่มขึ้นหลังการคลายล็อกดาวน์ขั้นสุดท้ายลง แต่รัฐบาลอังกฤษก็เชื่อว่า ยอดผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิตจะลดลงจากโครงการให้วัคซีนเป็นวงกว้างแก่ประชาชน
ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน เลื่อนการคลายล็อกดาวน์ระยะสุดท้ายในอังกฤษจากเดิม 21 มิ.ย. มาเป็น 19 ก.ค. เพื่อระดมฉีดวัคซีนแก่ประชากรผู้ใหญ่ให้ได้มากที่สุด ด้วยความหวังว่าจะต่อสู้กับโควิดสายพันธุ์เดลตาที่ติดต่อง่ายขึ้น และกลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหราชอาณาจักรแทนสายพันธุ์อัลฟา
ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายวันของเมื่อวันที่ 5 ก.ค. อยู่ที่ 27,337 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 9 ราย