ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 0.02% มาที่ 92.79 จากแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 1.30% หลังแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 4 เดือนที่ 1.296% จากคำสั่งซื้อคืนพันธบัตรเพื่อตัดขาดทุน ไปจนถึงการที่นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจหลังการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์เดลต้า
.
รายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ระบุว่า FED ได้หารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดวงเงินในโครงการ QE โดยส่วนหนึ่งมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวรวดเร็วขึ้น แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในขณะนี้ยังไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของเฟดที่ต้องการเห็นเศรษฐกิจ "ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน" ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเริ่มกลับมาดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงิน ในทาง Kathy Lien กรรมการผู้จัดการของ BK Asset Management กล่าวว่า “รายงานการประชุมเมื่อคืนนี้เป็นเพียงการยืนยันว่าเฟดจะลดการซื้อสินทรัพย์ในปีนี้เท่านั้น
.
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) จากการที่นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายการผลิตในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันนี้
.
ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 104.42 จุด หรือ +0.30% ดัชนี S&P500 ปิด +0.34% ดัชนี Nasdaq ปิด +0.01% ขานรับรายงานการประชุมของเฟดซึ่งส่งสัญญาณว่า กรรมการเฟดอาจยังไม่พร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
.
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป
.
การวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค
.
.
ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง ดอลลาร์ได้ดีดขึ้นแตะ 92.79 เมื่อคืนนี้ ก่อนจะย่อลงมาที่ 92.63 และรีบาวน์ขึ้นมาที่ 92.72 ณ เวลาที่เขียน อย่างไรก็ตามหากสามารถทะลุแนวต้านที่ 92.79 ได้ก็มีโอกาสขึ้นต่อไปที่ 92.84
แนวต้านสำคัญ : 92.79 / 92.84
แนวรับสำคัญ : 92.63 / 92.51