ตลาด "หุ้นยุโรป" ปิดร่วงลงมากกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดในรอบ 9 เดือน เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ "เดลตา" อาจชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 444.29 จุด ร่วงลง 10.45 จุด หรือ -2.30% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,295.97 จุด ร่วงลง 164.11 จุด หรือ -2.54%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,133.20 จุด ร่วงลง 407.11 จุด หรือ -2.62% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,844.39 จุด ร่วงลง 163.70 จุด หรือ -2.34%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นทุกกลุ่มปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาท่ามกลางความวิตกว่า การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์, กลุ่มธนาคาร และกลุ่มเดินทาง ร่วงลงมากกว่า 3% โดยดัชนีหุ้นกลุ่มน้ำมันและกลุ่มเดินทางร่วงลงแตะระดับต่ำสุดของเดือนก.พ.ที่ผ่านมา

หุ้นคาร์นิวัล, อีซีเจ็ต และ IAG ซึ่งเป็นเจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ ร่วงลงราว 5.2-8.3%

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหนักที่สุดในรอบ 10 เดือน โดยได้รับผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลง ขณะที่ราคาโลหะพื้นฐานที่ปรับตัวลงส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มเหมืองแร่

หุ้นบีพี, เชลล์ และโททาล ร่วงลง 3.8-4.7% โดยได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง หลังรัฐมนตรีกลุ่มโอเปกพลัสตกลงที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตตั้งแต่เดือนส.ค.เป็นต้นไป

การคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการที่ซบเซาของบริษัทจดทะเบียนถ่วงตลาดลงด้วย โดยหุ้นอิตาเลียของอิตาลีร่วง 4.3% หลังคาดการณ์ผลกำไรหลักของบริษัทจะลดลงในปีนี้

ในสัปดาห์นี้ บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดี