ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ (21 ก.ค.)ปรับตัวขึ้น 286 จุด โดยตลาดยังคงสามารถรักษาโมเมนตัม หลังจากที่ทะยานขึ้นเมื่อวันอังคาร ขณะที่ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 286.01 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 34,789.00 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 35.63 จุด หรือ 0.82 % ปิดที่ 4,358.69 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 133.08 จุด หรือ 0.92% ปิดที่ 14,631.95 จุด
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อวันอังคาร จากการที่นักลงทุนพากันเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการประกาศผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งรายงานตัวเลขการสร้างบ้านของสหรัฐที่สูงเกินคาดในเดือนมิ.ย. หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มสายการบิน ต่างดีดตัวขึ้นในการซื้อขายวันนี้ เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มธนาคาร
อย่างไรก็ดี หุ้นโมเดอร์นาร่วงลง 3% แม้มีข่าวดีจากการที่หุ้นของบริษัทได้ถูกรวมในการคำนวณดัชนีเอสแอนด์พี 500 ในวันนี้ แทนบริษัท Alexion ซึ่งถูกบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าซื้อกิจการ
การที่หุ้นโมเดอร์นาได้รับการรวมในการคำนวณดัชนีเอสแอนด์พี 500 จะทำให้กองทุนขนาดใหญ่รวมหุ้นของทางบริษัทในพอร์ทการลงทุน และจะถือเป็นชัยชนะอีกครั้งหนึ่งของบริษัท ซึ่งเป็นผู้นำในการผลิตวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยี mRNA โดยบริษัทระบุว่า เทคโนโลยีดังกล่าว นอกจากจะนำมาผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 แล้ว ยังสามารถนำมาผลิตวัคซีนป้องกันโรคอื่นๆ รวมทั้งผลิตยารักษาโรคหัวใจ มะเร็ง และยารักษาปัญหาด้านพันธุกรรม
ราคาหุ้นโมเดอร์นาพุ่งขึ้นมากกว่า 3 เท่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าตลาดมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยบริษัทราว 85% ในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่รายงานผลประกอบการแล้ว ต่างก็มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศจากเฟดชิคาโก, ยอดขายบ้านมือสอง และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(พีเอ็มไอ) ภาคการผลิตและภาคบริการจากมาร์กิต