ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.14% แตะที่ 92.044 เมื่อคืนนี้ หลังจากข้อมูลการผลิตของสหรัฐฯที่ชะลอตัวลงและความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ COVID-19 สายพันธุ์เดลต้าที่ระบาดหนักทางตอนใต้ของสหรัฐ รวมถึงรัฐฟลอริดา รัฐลุยเซียนา และรัฐอาร์คันซอ ซึ่งส่งผลให้จำนวนผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น และเริ่มจะไม่สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างทั่วถึงแล้ว กระตุ้นให้นักลงทุนลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
.
สื่อข่าวรายงานถึง นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)กล่าวกับ CNBC ว่า เฟดอาจประกาศในเดือนก.ย.ว่าจะเริ่มต้นลด QE ในเดือนต.ค. หากการจ้างงาน 2 เดือนต่อจากนี้มีการจ้างงานแต่ละครั้งเพิ่มขึ้น  800,000-1 ล้านตำแหน่ง และในด้านทำเนียบขาวแถลงในวานนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐสามารถบรรลุเป้าหมายในการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 อย่างน้อย 1 โดสให้แก่ชาวอเมริกันซึ่งเป็นผู้ใหญ่จำนวน 70% ของประชากรทั้งประเทศ
.
ในด้านของไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 63.4 ในเดือนก.ค. จากระดับ 62.1 ในเดือนมิ.ย และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 59.5 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 60.9 หลังจากแตะระดับ 60.6 ในเดือนมิ.ย. รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 1.147% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 20 ก.ค. 
.
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 97.31 จุด หรือ -0.28% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,387.16 จุด ลดลง 8.10 จุด หรือ -0.18%  จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ 
.
การวิเคราหะ์ภาพรวมทางเทคนิค
ในกรอบเวลา 1 ชั่วโมง ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.14% แตะที่ 92.044 ก่อนจะปรับตัวลงมาที่ 92.00 ณ เวลาที่เขียน อย่างไรก็ตามหากดัชนีดอลลาร์ไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนหนือที่ระดับ 92.191 ได้ ก็มีแนวโน้มจะดิ่งทะลุลงมาที่แนวรับที่ระดับ 91.983 
แนวต้านสำคัญ : 92.191 / 92.340 
แนวรับสำคัญ : 91.983 / 91.780