ดัชนีดาวโจนส์ปิดใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้น
ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 0.8% หรือ 278 จุด ปิดที่ 35,116.4 เพียงเล็กน้อยจากระดับสูงสุดที่ 35,144.91 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่ม 0.8% ปิดที่ 4423.15 และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.6%
กลุ่มพลังงานนำโดย Pioneer Natural Resources ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 8% (NYSE:PXD) หลังรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่ลดลงเพียงเล็กน้อยจากประมาณการณ์
หุ้น EOG Resources (NYSE:EOG) และ ConocoPhillips (NYSE:COP) ปิดบวกมากกว่า 2%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมก็มีส่วนสนับสนุนตลาด เนื่องจากหุ้นของสายการบินเริ่มฟื้นตัวจากช่วงก่อนหน้า แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามของโควิดต่อธุรกิจการเดินทางทั่วโลก
American Airlines (NASDAQ:AAL) ลดลง 0.5% ขณะที่ United และ Alaska Air (NYSE:ALK) ปิดลบเพียงเล็กน้อย
Under Armour (NYSE:UAA) รายงาน ผลประกอบการรายไตรมาส ออกมาดีเกินคาด และยกระดับการคาดการณ์ทั้งปี ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นมากกว่า 7% .
Alibaba (NYSE:BABA) ลดลง 1% หลังจากรายงานรายได้ลดลง เนื่องจากยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซรายนี้ยังคงเพิ่มการลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโต
หุ้นกลุ่มสุขภาพ Eli Lilly (NYSE:LLY) ปิดตัวสูงขึ้นเกือบ 4% หลังจากรายงาน ผลประกอบการรายไตรมาส ด้วยกำไรต่อหุ้น 1.87 ดอลลาร์ ลดลงเพียงเล็กน้อยจากที่คาดการณ์ไว้ แต่รายรับอยู่เหนือประมาณการณ์ที่ 6.74 พันล้านดอลลาร์
หุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ ยกเว้น Facebook ยังคงไต่ระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฝั่งหุ้น Apple (NASDAQ:AAPL), Microsoft (NASDAQ:MSFT), Alphabet (NASDAQ:GOOGL), Amazon (NASDAQ:AMZN) ) ปรับตัวขึ้น ในขณะที่ Facebook (NASDAQ:FB) ปิดลบ
ทางด้านข่าวอื่น ๆ หุ้น Robinhood Markets (NASDAQ:HOOD) พุ่งขึ้น 24% สูงกว่าราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกที่ 38 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก เนื่องจากมีข่าวว่า เคธี วู้ด ซีอีโอของ ARK Invest กว้านซื้อหุ้นของบริษัท